PTTGC เผยปี 69 วางมาตรการเพิ่มรายได้-ลดค่าใชจ่ายกว่า 5.5 พันลบ./ปี

#PTTGC #ทันหุ้น-PTTGC เปิดกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2569 โดยวางมาตรการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายรวมกว่า 5.5 พันล้านบาทต่อปี รวมถึงเดินหน้าขับเคลื่อนตามแนวทาง Holistic Optimization เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานแบบองค์รวมและเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมได้อีก 1,200 ล้านบาทต่อปี ในปี 2569
นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ในปี 2569 บริษัทฯ จะยังคงดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายรวมกว่า 5,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะรับรู้ผลประโยชน์อย่างต่อเนื่อง (recurring) พร้อมทั้งสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมอีกกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี จากความคืบหน้าที่ทำได้ในปี 2568 นอกจากนี้ GC ยังเดินหน้าขับเคลื่อนตามแนวทาง Holistic Optimization เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานแบบองค์รวมและเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมได้อีก 1,200 ล้านบาทต่อปี ในปี 2569
นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าดึงศักยภาพของ allnex ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้าน Coating Resins ผ่านการดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย ท่ามกลางภาวะอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว โดยมีการดำเนินงานสำคัญ ได้แก่
-การขยายกำลังการผลิตในตลาดศักยภาพสูง อาทิ ประเทศจีน อินเดีย และไทย เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันและรองรับการเติบโตในเอเชีย โดยเล็งเห็นว่าประเทศไทยสามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางสำคัญของเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-Project Helix โครงการลดต้นทุนเชิงโครงสร้าง โดยตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายได้ 40 ล้านยูโรต่อปี ภายในปี 2569–2570 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อเป้าหมายเพิ่ม EBITDA ให้ได้อีกอย่างน้อย 25 ล้านยูโรต่อปี ภายในปี 2573
-Commercial Excellence และ Supply Chain Optimization ปรับกระบวนการเชิงพาณิชย์และห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
-Growth Platform หน่วยธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมเพื่อขยายไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ อาทิ สารเติมแต่ง (additives) วัสดุคอมโพสิต และแบตเตอรี่ รวมถึงพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับความต้องการใหม่ของตลาด
PTTGC ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในองค์กร ผ่านแนวคิด 3 Smart: Smart Plant, Smart Sales & Marketing, Smart Work Process เช่น การใช้เทคโนโลยี AI Vision และ Drone Inspection ตรวจสอบสภาพ Roof Tank ร่วมกับข้อมูลดาวเทียม โดยไม่ต้องหยุดการดำเนินงาน การตรวจสอบสภาพ Heat Exchanger หลังการทำความสะอาด ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการประเมินสภาพอุปกรณ์ การใช้ Drone ตรวจสอบท่อภายใน (Internal Pipe) แทนการปีนขึ้นตรวจในพื้นที่เสี่ยง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของพนักงาน ซึ่งเฉพาะที่ยกตัวอย่างสร้างประโยชน์ทางธุรกิจได้มากกว่า 20 ล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กร ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และการยกระดับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้าง Innovation Culture ที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ผ่านแพลตฟอร์ม GC StandOut ซึ่งได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยในปี 2568 GC ได้รับ 3 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตอกย้ำบทบาทขององค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ทั้งในระดับองค์กร ผลิตภัณฑ์ และเศรษฐกิจ
“PTTGC ยังคงดำเนินกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมศักยภาพของธุรกิจให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโลก แม้ปัจจุบันจะยังอยู่ในช่วงของการพลิกฟื้นธุรกิจ แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าด้วยการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ การบริหารจัดการการเงินอย่างมีวินัย และการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม จะช่วยให้ PTTGC ก้าวผ่านช่วงท้าทายนี้ และต่อยอดสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว” นายณะรงค์ศักดิ์ กล่าว
**เผยงบ 9 เดือนแรกปีนี้
รายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 392,763 ล้านบาท และ Adjusted EBITDA 16,606 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้รวม 126,836 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ Adjusted EBITDA อยู่ที่ 5,147 ล้านบาท ลดลง 15% จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนภาวะตลาดที่ผันผวน
"แม้สถานการณ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเศรษฐกิจโลกยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งกำลังการผลิตส่วนเกินจากตลาดที่มีต้นทุนต่ำ สงครามการค้า และปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร แต่ GC ยังคงดำเนินกลยุทธ์ตามแผนที่วางไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการปัจจัยที่ควบคุมได้ เพื่อพลิกสถานการณ์และสร้างความพร้อมสำหรับการเติบโตในระยะถัดไป ทั้งการดำเนินงานตามเป้าหมาย กลยุทธ์ Portfolio Transformation และการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย การเพิ่มประสิทธิภาพแบบองค์รวมด้วยแนวทาง Holistic Optimization รวมทั้งเดินหน้าตามแผนลดภาระทางการเงิน (Deleveraging Program) และการบริหารสภาพคล่อง"นายณะรงค์ศักดิ์ กล่าว
โดยมีความคืบหน้าสำคัญหลายด้าน ประกอบด้วย
-การดำเนินการตามแผน Deleveraging และการบริหารสภาพคล่อง ด้วยการ ขยายวงเงิน Trade Credit Facility สำหรับการจัดหาวัตถุดิบกับ ปตท. เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงิน และ ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ สกุลเหรียญสหรัฐฯ มูลค่ารวม 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งเป็นมูลค่าสูงที่สุดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มียอดจองซื้อสูงกว่า 8 เท่าของมูลค่าที่เสนอขาย การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ลดลงประมาณ 75,000 ล้านบาท และ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Debt/Equity) ลดลงจาก 0.84 เท่า เมื่อสิ้นปี 2567 มาอยู่ที่ระดับประมาณ 0.50 เท่า ในไตรมาส 3 ปี 2568 ขณะที่ บริษัทฯ ยังมีวงเงินทุนหมุนเวียน (Committed facility) จากปตท. และ สถาบันการเงินรวมกว่า 70,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
-เพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายรวมกว่า 5,500 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 4,000 บาทต่อปี คาดว่าจะสามารถทำได้เกินกว่าเป้าหมาย
-ขับเคลื่อนแนวทาง Holistic Optimization เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานแบบองค์รวม และเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ โครงการนำเข้าอีเทนจากสหรัฐฯ มาใช้เป็นวัตถุดิบทดแทน และโครงการใช้พลังงานความเย็นจากก๊าซธรรมชาติเหลวในกระบวนการผลิตโอเลฟินส์
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
