YLG ชี้การเข้าซื้อทองคำธ.กลางเพิ่มขึ้นต.ค. สะท้อนเทรนด์ขาขึ้น

#ทันหุ้น - วายแอลจีชี้ ตัวเลขการเข้าซื้อทองคำเพิ่มต่อเนื่องในเดือน ต.ค.ตอกย้ำความมั่นใจเทรนด์ขาขึ้นต่อเนื่อง เหตุแม้เดือน ต.ค.ราคาทองคำเริ่มพุ่งแรงทะลุ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เทียบจากเปิดต้นปีที่ประมาณ 2,624 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ สะท้อนนโยบายเดินหน้าซื้อแม้ราคาทรงตัวในระดับสูง
มองนโยบายของธนาคารกลางยังคงเน้นเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากกว่าเรื่องราคา โดยเฉพาะการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุด วายแอลจี ให้เป้าหมายราคาทองคำปีหน้าที่ 4,900 - 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ทองคำในประเทศมีโอกาสเห็น 75,000-68,000 บาทต่อบาททองคำ พร้อมแนะหากต้องการซื้อให้อดทนรอย่อที่ 4,074-3,991 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ สำหรับใครที่ต้องการลงทุนทองคำได้ง่ายๆสามารถลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน YLG Get Gold เริ่มต้นขั้นต่ำเพียง 100 บาท
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าล่าสุดการรายการการเข้าซื้อทองคำในเดือนตุลาคมของธนาคารกลางที่ยังคงแข็งแกร่งมียอดรวม 53 ตัน เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางในปี 2568 มีความแข็งแกร่งตลอดทั้งปี แม้ยอดซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคมจะเป็นอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับสามปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากราคาทองคำที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตามคาดว่าเทรนด์การซื้อทองคำของธนาคารกลางจะยังคงอยู่ในทิศทางการเข้าซื้อต่อไป โดยล่าสุดพบว่าธนาคารกลางแห่งชาติโปแลนด์ ได้กลับมาเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากหยุดการซื้อไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่ธนาคารกลางบราซิล ซื้อทองคำเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยเพิ่ม 16 ตันในเดือนตุลาคม หลังจากเข้าซื้อ 15 ตันในเดือนกันยายน
นอกจากนี้ธนาคารกลางอุซเบกิสถาน ซื้อเพิ่ม 9 ตัน ธนาคารแห่งอินโดนีเซีย ซื้อเพิ่ม 4 ตัน ธนาคารกลางตุรกี ซื้อเพิ่ม 3 ตัน ธนาคารแห่งชาติเช็กซื้อเพิ่ม 2 ตัน ธนาคารแห่งชาติสาธารณรัฐคีร์กีซซื้อเพิ่ม 1 ตัน ธนาคารแห่งกานาซื้อเพิ่ม1 ตัน ธนาคารประชาชนจีนซื้อเพิ่ม 1 ตัน ธนาคารแห่งชาติคาซัคสถานซื้อเพิ่ม 1 ตัน และธนาคารกลางฟิลิปปินส์ซื้อเพิ่ม 1 ตัน
ทั้งนี้หากพิจารณาจากราคาทองคำตั้งแต่ต้นปีที่เปิดตลาดในเดือน ม.ค. ที่ ประมาณ 2,624 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ จนกระทั่งเมื่อเดือน ต.ค. ราคาพุ่งขึ้นไปสูงกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ถือว่าราคาพุ่งตัวขึ้นไปอย่างมากแต่ธนาคารยังคงเข้าซื้อทองคำเพิ่ม แสดงว่านโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากกว่าเรื่องราคา โดยเฉพาะการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ (Diversification & De-Dollarization) การป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและการรับมือกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ
ดังนั้นวายแอลจีประเมินว่าในปี 2569 ธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงเดินหน้านโยบายการซื้อทองคำต่อไป และจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงในช่วงนี้จะเป็น 2 ปัจจัยหลักสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำให้ทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยวายแอลจีให้เป้าหมายราคาทองคำปี 2569 ที่ 4,900-4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือหากคิดเป็นราคาทองคำในประเทศโดยคำนวณจากค่าเงินบาทที่ 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีเป้าหมายที่ 75,000 - 68,000 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดีราคาทองคำจะมียังหวะที่ถูกเทขายทำกำไรเป็นระยะ นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อสามารถรอจังหวะเข้าซื้อได้ หากราคาทองคำย่อตัวลงที่ระดับ 4,074 - 3,991 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนนักลงทุนที่สนใจลงทุนกับ YLG สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆผ่านแอปพลิเคชัน YLG Get Gold ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
