รีเซต

COCOCO ส่อกำไร Q4/68 อ่อนแรง หยวนต้าคาด Q1/69 กลับมาน่าสนใจ

COCOCO ส่อกำไร Q4/68 อ่อนแรง หยวนต้าคาด Q1/69 กลับมาน่าสนใจ
ทันหุ้น
4 ธันวาคม 2568 ( 10:55 )

#ทันหุ้น -บล.หยวนต้า ส่องหุ้น บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO แนวโน้มผลประกอบการใน Q4/68 ยังไม่เด่น

เบื้องต้นคาดรายได้ใน Q4/68 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY แม้บริษัทจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการยกเลิก ภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรบางรายการจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ไม่สามารถชดเชยปัจจัยกดดันอื่นๆได้ อาทิ การเข้าสู่ช่วง Low season รวมถึงยอดคำสั่งซื้อน้ำมะพร้าวจากจีนที่คาดยังอ่อนแอ ขณะที่ GPM เบื้องต้นคาดมีโอกาสทรงตัว QoQ แม้ U-rate จะหดตัวลงตามทิศทางยอดขาย เนื่องจากการเริ่มรับรู้ผลของราคาต้นทุนมะพร้าวที่ปรับลง แต่ยังลดลง YoY เนื่องจากราคามะพร้าวยังสูงกว่าปีก่อน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติใน Q4/68 เบื้องต้นที่กรอบ 35-45 ลบ. ลดลงทั้ง QoQ และ YoY อย่างไรก็ตามผู้บริหารเปิดเผยข้อมูลในงาน Opportunity Day ว่าหลังจากการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการของสหรัฐฯ ส่งผลให้ลูกค้าใหม่เริ่มเข้ามาติดต่อกับบริษัทมากขึ้น ซึ่งหากสามารถผลิตและรับรู้รายได้ภายใน Q4/68 อาจทำให้ประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยมีโอกาสสูงกว่าคาดเป็น Upside

บริษัทเลื่อนการเปิดใช้โรงงานในฟิลิปปินส์ไปเป็น Q3/68 จากเดิมที่ Q1/69 บริษัทเลื่อนการเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ของโรงงานในฟิ ลิปปินส์(Commercial run) เป็น Q3/69 จากเดิมที่จะเปิดใช้งานช่วง Q1/69 เนื่องจากบริษัทได้ลงทุนในโรงกะเทาะมะพร้าวเพิ่มเติม ทำให้ GPM อาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฐานที่ต่ำใน Q1/68 ประกอบกับการเริ่มรับรู้ผลของราคามะพร้าวที่ปรับตัวลงจากปีก่อน รวมถึงรัฐบาลจีนที่คาดจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการการนำเข้าสินค้าจากไทย ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อจากจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัว ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติใน Q1/69 มีโอกาสกลับมาโต QoQ และ YoY แต่อัตราการเติบโตอาจต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า

ปรับกำไรปี 2568-2569 ลง หุ้นยังขาดปัจจัยบวก คงคำแนะนำ “TRADING” จากแนวโน้มผลประกอบการใน Q4/68 ที่ยังอ่อนแอ ประกอบกับการเลื่อนเปิดใช้โรงงานในฟิลิปปินส์ ทำให้ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ลง 26.4% และ 31.4% เป็น 229 ลบ. (-68.2% YoY) และ 493 ลบ. (+115.7% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานรายได้ และ GPM ลง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท และเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 โดยปรับ PER ในการประเมินมูลค่าลงเป็น 17.5 เท่า เพื่อสะท้อนอัตราการเติบโตที่ลดลง ทำให้ฝ่ายวิจัยได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 6.00 บาท แม้ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside gain 18.8% แต่หุ้นยังขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น ทำให้ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “TRADING” เชิงกลยุทธ์แนะนำสะสม หลังงบปี 2568 ออกไปแล้ว เพื่อเก็งผลประกอบการใน Q1/69 ที่คาดกำไรกลับมาโต QoQ และ YoY

ความเสี่ยง: ยอดคำสั่งซื้อในจีนที่ฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด, ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และอัตราแลกเปลี่ยน, การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค