รีเซต

โออาร์ กำไร 1.1 หมื่นล้านบาท 5 ปีลงทุนอีกเฉียด 1 แสนล้านบาท

โออาร์ กำไร 1.1 หมื่นล้านบาท 5 ปีลงทุนอีกเฉียด 1 แสนล้านบาท
มติชน
22 กุมภาพันธ์ 2565 ( 00:55 )
28
โออาร์ กำไร 1.1 หมื่นล้านบาท 5 ปีลงทุนอีกเฉียด 1 แสนล้านบาท

น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่าเปิดเผยถึงผลการดำเนินการปี 2564 มีรายได้ขายและบริการ 511,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11,474 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,683 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.5% ทั้งจากรายได้ขายและบริการ และ EBITDA หรือ กำไรก่อนการหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20,335 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนจากธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน 75.6% ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(นอน-ออยล์) แบ่งเป็นธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ 20.6% ธุรกิจต่างประเทศ 3.6% และจากส่วนอื่น ๆ อีก 0.2%

 

ทั้งนี้โออาร์ได้วางงบลงทุน 5 ปี(2565-2569) วงเงิน 9.35 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน 36.3% ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(นอน-ออยล์) แบ่งเป็ธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ 21.8% การลงทุนด้านนวัตกรรม 20.4% ธุรกิจต่างประเทศ 14.2% และระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูโภคและอื่น ๆ อีก 7.3% ซึ่งคาดหวังให้สัดส่วนการเติบโตของ EBITDA ในช่วง 5 ปีในกลุ่มธุรกิจน้ำมันจากปัจจุบันอยู่ที่ 75.6% ลงมาอยู่ที่ 45% เนื่องจากแม้จะมองว่าธุรกิจน้ำมันจะโตขึ้น แต่ต้องการขยายการเติบโตในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์และนวัตกรรมให้มากกว่า โดยตั้งเป้าว่าจะโตจาก 20.6% เป็น 39% ขณะที่ธุรกิจจากต่างประเทศก็จะเพิ่มขึ้นจาก 3.6% เป็น 15% ในช่วง 5 ปี

 

ปัจจุบันธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือไลฟสไตล์ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด มีการล็อคดาวน์ทั่วประเทศไทยในบางช่วงของปี ส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศ ธุรกิจต่างประเทศมีผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดในบางประเทศ แต่มั่นใจว่าในปีระยะ 3 ปีตั้งแต่ 2565-2567 เราได้ใส่เม็ดเงินลงทุนไปในประมาณ 66,000 ล้านบาท โดยจะเน้นในการลงทุนในส่วนของการเข้าซื้อกิจการ และจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น รวมถึงการร่วมมือกับสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีด้วย ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของธุรกิจนอน-ออยล์เติบโตเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่ในปี 2565 โออาร์ตั้งเป้าจะขยายสาขาเพิ่มขึ้น 103 สาขา รวมถึงเดินหน้าพัฒนาสาขาที่ไม่เป็นไปตามเป้าของปีที่แล้วอีก 26 สาขา ทำให้ในปีนี้จะขยายทั้งสิ้น 129 สาขา และตั้งเป้าตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) เพิ่ม 200 แห่ง ซึ่งต้องรอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) อนุมัติควบคู่ไปด้วยซึ่งจะทำให้สิ้นปีมีทั้งสิ้น 300 แห่ง ขณะที่นอกปั๊มจะมีความสามารถพัฒนาและติดตั้งได้ในปีนี้อีก 150 แห่ง ขณะเดียวกันเตรียมขยายร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอนในปีนี้ 389 สาขาทั้งในและต่างประเทศส่วนธุรกิจต่างประเทศปีนี้ตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมัน 73 แห่ง ในประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และฟิลิปปินส์

 

นางสาวจิราพร กล่าวว่าผลประกอบการของโออาร์ในปีนี้จะขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นไปตามคาดการณ์ของสถาบันต่าง ๆ ที่จะเติบโต 3.5-4.5% ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นทั้งธุรกิจน้ำมันและไลฟ์สไตล์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่จะอยู่ที่ 1.7% เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจึงไม่กระทบต่อธุรกิจของโออาร์มาก เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ขณะที่ปัจจัยกระตุ้นอย่างรุนแรงที่จะเห็นได้ในปีนี้คืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา 5.6 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เข้ามาเพียง 300,000 คน

 

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในปี 65 นี้คาดว่าจะสูงกว่าปี 64 แน่นอน เนื่องจากความต้องการของน้ำมันจะมีมากขึ้น แต่ขณะที่ภาคการผลิตยังเท่าเดิม จึงมองว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 69 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ประมาณ 78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งในระยะสั้นอาจจะมีการกระตุ้นราคาเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การก่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

 

อย่างไรก็ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ได้มีมติอนุมัติให้เสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2564 ที่อัตรา 0.19 บาทต่อหุ้น โดยจะจ่ายในวันที่ 28 เม.ย. 2565

ข่าวที่เกี่ยวข้อง