รีเซต

"บุ้งทะเล" ขึ้นตามชายฝั่ง ดร.ธรณ์ โพสต์เตือน อย่าจับแสบคันมาก

"บุ้งทะเล" ขึ้นตามชายฝั่ง ดร.ธรณ์ โพสต์เตือน อย่าจับแสบคันมาก
TNN ช่อง16
11 ตุลาคม 2566 ( 13:53 )
86

ดร.ธรณ์ โพสต์เตือน "บุ้งทะเล" ขึ้นมาตามชายฝั่ง ลั่นอย่าโดน อย่าจับเพราะจะแสบคันมาก แนะผู้ปกครองเตือนลูกหากลอยมาติดหาดเยอะๆ


ศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ผ่าน Facebook : Thon Thamrongnawasawat เกี่ยวกับ "บุ้งทะเล" โดยระบุว่า


ช่วงนี้ในทะเลอ่าวไทยมีอะไรแปลกๆหลายอย่าง เช่น ตัวยึกยือที่เห็นในภาพ เป็นสัตว์ที่เรียกว่า “บุ้งทะเล” คันมากเจอแล้วอย่าไปจับ ผมเคยโดนมาแล้ว แสบคันเหมือนโดนหนอนบุ้งผีเสื้อเลยครับ


ตอนนี้มีรายงานบุ้งทะเลขึ้นมาตามชายฝั่ง ตามเกาะในอ่าวไทยฝั่งตะวันตก บุ้งทะเลเป็นหนอนปล้อง พวกเดียวกับแม่เพรียงและไส้เดือนทะเล บุ้งทะเลอยู่ใทะเลตลอดเวลา การเข้ามาเกยชายฝั่งเกิดเพราะกระแสน้ำหรือคลื่นลม


จุดสำคัญคือขนละเอียดมากเหมือนบุ้ง ไม่แนะนำให้จับ หยิบ โดน หรือไปเล่น โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเตือนคุณลูกหากลอยมาติดหาดเยอะๆ


บุ้งทะเลอยู่ในน้ำ ว่ายน้ำเก่ง อาจโดนเราได้ หากเห็นต้องระวังอย่าไปโดน หากมีเยอะไปก็หลีกเลี่ยงการลงน้ำ หากโดนเข้าไป จะแสบคันเหมือนโดยขนบุ้งอย่าเกาอย่าถู ต้องพยายามเอาขนออก แต่มันทำยากมาก


สมัยก่อนใช้เทียนไขคลึงเบาๆ หรือใช้ขี้ผึ้ง ปัจจุบันจะแก้ยังไงก็ตามถนัด หลักการคือเอาขนออกจากผิวหนังเรา จากนั้นก็ทาครีมแก้คัน


บุ้งทะเลไม่มีพิษ คันเพราะขน ไม่ต้องแก้พิษเหมือนแมงกะพรุน น้ำส้มสายชูหรือใดๆ ไม่มีประโยชน์ ปรกติในทะเลกระจายกันอยู่ ไม่ได้มาทีเยอะๆ แต่บางช่วงเวลาอาจเจอเยอะหน่อย เช่น ช่วงผสมพันธุ์ แต่ก็ไม่ได้เยอะปานนี้


ผลกระทบต่างๆ ที่เราทำต่อทะเลอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น แพลงก์ตอนบลูมที่เกิดบ่อยขึ้น อาจทำให้ลูกสัตว์บางชนิดช่วงที่เป็นแพลงก์ตอนวัยอ่อน รอดมากขึ้นเนื่องจากมีแพลงก์ตอนพืชให้กินเยอะ


ย้ำว่านั่นเป็นสมมติฐาน เรายังต้องทำความเข้าใจอะไรอีกเยอะ เพราะทะเลยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อน ธาตุอาหาร มลพิษ และโลกร้อน ทำให้เกิดอะไรแปลกๆ


ตอนนี้เอาเป็นว่า เตือนเพื่อนธรณ์ไว้ หากเจอจะได้ระวัง หากเยอะจัดก็อย่าลงน้ำ หากโดนก็แก้ตามที่บอกไว้เป็นทะเลที่เริ่มเดาทางไม่ได้ ผลที่เราก่อเริ่มย้อนกลับมาหาเราในรูปแบบต่างๆแล้วครับ


ภาพ - ชาวบ้านส่งมาให้ “สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย” 






ที่มา Thon Thamrongnawasawat

ภาพจาก  Thon Thamrongnawasawat / TNN Online

ข่าวที่เกี่ยวข้อง