รีเซต

"โตโยต้า" ทุ่ม 912 ล้านดอลลาร์ ลงทุนไฮบริดโรงงานในสหรัฐฯ

"โตโยต้า" ทุ่ม 912 ล้านดอลลาร์ ลงทุนไฮบริดโรงงานในสหรัฐฯ
TNN ช่อง16
19 พฤศจิกายน 2568 ( 13:55 )
11

โตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศแผนลงทุนใหม่ในสหรัฐอเมริกา มูลค่ารวม 912 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโรงงานผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนใน 5 รัฐทางตอนใต้ของประเทศ เพื่อรองรับการขยายกำลังผลิตรถยนต์ไฮบริดที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ

การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ที่โตโยต้าวางเป้าหมายจะลงทุนในสหรัฐฯ สูงสุดถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ที่ประกาศรอบล่าสุดจะทยอยก่อสร้างและติดตั้งกำลังการผลิตแล้วเสร็จภายในปี 2027 ทั้งนี้ โตโยต้าเป็นผู้นำตลาดรถไฮบริดในสหรัฐฯ โดยมีส่วนแบ่งตลาดสะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดรวม ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย Motor Intelligence

โตโยต้า ประเมินว่า แผนลงทุนชุดนี้จะช่วยสร้างงานใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 252 ตำแหน่ง ทั้งในสายการผลิตเครื่องยนต์และสายการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป สอดคล้องกับแนวทางผลิตในประเทศที่จำหน่าย ซึ่งโตโยต้าใช้เป็นหลักคิดมาอย่างยาวนาน เพื่อกระจายฐานการผลิต ลดความเสี่ยงจากการขนส่งข้ามทวีป และตอบรับแรงกดดันทางการเมืองเรื่องการจ้างงานในสหรัฐฯ

ด้านยุทธศาสตร์ผลิตภัณฑ์ การเพิ่มกำลังผลิตรถไฮบริดในสหรัฐฯ ถือเป็นการตอกย้ำแนวทางหลายเส้นทางสู่การลดคาร์บอนของโตโยต้า ซึ่งไม่ได้พึ่งพารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) เพียงประเภทเดียว แต่ใช้การผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปประสิทธิภาพสูง รถไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เพื่อปรับให้เหมาะกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศ

การประกาศลงทุนรอบล่าสุดเกิดขึ้นต่อเนื่องจากการที่โตโยต้ายืนยันแผนเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในสหรัฐฯ อีกสูงสุด 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เพื่อรองรับทิศทางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดรุ่นใหม่ในอนาคต

ทั้งโตโยต้าและผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อื่น ๆ ทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายในการวางแผนการผลิตระยะยาว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านการปล่อยไอเสียและแรงกดดันให้เปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันต้องรับมือกับมาตรการภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนจากหลายประเทศที่ประกาศใช้ในปีนี้ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อห่วงโซ่อุปทานและการตัดสินใจลงทุนในอนาคต 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง