เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะเริ่มชะลอความร้อนแรงหลัง Rebound ได้ต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า คาดวันนี้แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,645-1,660 จุด ปัจจัยที่ต้องติดตามเช้านี้คือตัวเลข PMI เดือน พ.ค. ของจีนซึ่งจะสะท้อนว่าเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวหรือไม่หลังหลัง Lockdown ส่วนเมื่อคืนเยอรมนีประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. เร่งตัวมากกว่าคาด ขณะที่เย็นนี้ยูโรโซนจะประกาศตัวเลข เรามองยังเป็นปัจจัยที่จำกัด Upside ของดัชนี ขณะที่ตลาดยังคงคาดการณ์ FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.5% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ส่วนน้ำมันดิบยังปรับขึ้นต่อเนื่องหลัง EU ตกลงแบนน้ำมันสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 จากรัสเซีย ภาพรวมจึงยังกดดันต้นทุนการผลิตและกำลังซื้อในประเทศ
อย่างไรก็ตามน้ำหนักบวกยังอยู่ที่การเปิดประเทศเต็มรูปแบบใน 2H22 หนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Reopening และ Value Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเที่ยบกับช่วงปี 2019 ที่ยังไม่มี COVID-19 และมีแนวโน้มกำไร 2Q22 แข็งแกร่งต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวมท่ามกลางนโยบายการเงินที่ตึงตัวทั่วโลก
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : GFPT, ILINK, SAPPE, SMT, TH
หุ้นเด่นวันนี้ : AH
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 28 บาท
• จากโมเมนตัมกำไร 1Q22 ที่ดีกว่าคาด เราจึงเชื่อมั่นว่ากำไร 2Q22 จะยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง Y-Y ตามการผลิตรถยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัว คำสั่งซื้อที่เพิ่ม รวมถึง Showroom รถยนต์ใหม่
• คาดกำไรปกติปี 2022 +40% Y-Y เร่งตัวจากปีก่อนที่ถูกกระทบจาก COVID-19 ราคาปัจจุบันเทรด PER ต่ำเพียง 7.6 เท่าและให้ Dividend Yield ราว 5% เป็น Top Pick ของกลุ่มยานยนต์
• แนวรับ 23.20-23 บาท แนวต้าน 24-24.30//25 บาท
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้น แต่อาจจะมีการชะลอตัว จากปัจจัยถ่วงทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตัวแปรต่างประเทศ EU ได้ข้อสรุปการ Sanction น้ำมันดิบจากรัสเซีย โดยคิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณนำเข้าเดิม ส่งผลลบต่อตลาด ราคาน้ำมันและเงินเฟ้อจะสูงขึ้น เพิ่มความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed กลางเดือน มิ.ย.
นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจในเรื่องของการคลาย Lockdown ของจีน ซึ่งจะเป็นตัวแปรที่ช่วยหนุนตลาด เป็นสัญญาณที่ดีที่นักลงทุนเริ่มจะกลับเข้ามาซื้อหุ้น ส่งผลดีกับหุ้นไทยด้วยเนื่องจากเศรษฐกิจผูกกันอยู่ โดยเฉพาะกลุ่ม logistics
ตลาดหุ้นวันนี้ อาจจะถูกถ่วงจากการที่ราคาหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนีฯ MSCI ได้ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างแรง คือ 1 วัน ก่อนทำ rebalance ในวันนี้(31) ......ทั้งนี้ MSCI Global Standard Index มีหุ้นเข้า คือ JMT หุ้นออก คือ STGT และ MSCI Global Small Cap Index หุ้นเข้า คือ ASK, BYD, DITTO, FORTH, KEX, PSG, SABUY, STGT, STARK, VIBHA หุ้นออก คือ EASTW, JMT
วันนี้ติดตามการประชุมการร่าง พรบ.งบประมาณปี ‘66 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ซึ่งเรามองว่าไม่น่ากังวลมาก และ ถ้าวันนี้ กกต.รับรอง คุณชัชชาติ เป็นผู้ว่า กทม. จะดีต่อตลาด แต่หากเกิดการพลิกล็อคอาจจะทำให้ตลาดตกใจได้
หุ้นขึ้น XD วันนี้ ได้แก่ BKKCP(@0.15), CPTGF(@0.19), IMPACT(@0.05), IVL(@0.40), KBSPIF(@0.238), TFFIF(@0.087), TIF1(@0.142), TTLPF(@0.422) และ PROEN_W1 ทำการซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ธปท.รายงานเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีฯ ปิด gap ที่ 1643 จุดได้ ถ้าวันนี้ยังยืนได้ โอกาสไปถึงเป้า 1660-1670 ในรอบนี้ ก็มีค่อนข้างสูง หุ้นที่จะเกาะตลาด จะไปเน้นที่หุ้นใหญ่ จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ 3 ลำดับแรก ที่เราเล็งว่าจะมีแรงซื้อเข้า คือ PTT, AOT , KBANK
ฝ่ายวิจัยยังประเมินว่า ยิ่งใกล้วันประชุม FOMC (14-15 มิ.ย.) ตลาดจะผันผวนมากขึ้น การลงทุนในช่วงนี้ ควรปรับเป็นเล่นสั้น เน้นข่าวรายวันไปก่อน
Copy trade หุ้นฝรั่งซื้อมาก EA, BGRIM, PTTEP
พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ THG, SAWAD ออก และเพิ่ม KBANK, AMATA, BGRIM เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AMATA(10%), KBANK(10%), BGRIM(10%), AAV(10%) JMT*(10%), BH*(10%), FORTH(10%), BE8*(10%)
Strategy Stock Pick
AMATA: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 21.50 บาท) “กลุ่มนิคมกำลังมา รับเปิดประเทศ+ ยอด BOI ที่เร่งตัวขึ้น”
• ยอดขายและโอนที่ดิน กำลังจะเร่งตัวขึ้นรับการเปิดเมือง หนุนด้วยการขอ BOI/FDI ต่างชาติ ที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องจาก 1Q22 (ไตรมาส 1 มูลค่า FDI โต 29%YoY
• Theme การลงทุนและ Relocate (จาก Deglobalization) หนุนการลงทุนต่างชาติในไทย, AMATA มีจุดแข็งในด้าน Raw land (ที่ดินรอการพัฒนา) ที่สูงมากใน Prime Zone ระยะกลางยาวประเมิน AMATA จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มาก
• KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 1.9 พัน ลบ. และ 1.5 พัน ลบ. +36%YoY, -20%YoY ตามลำดับ
Technical: INSET, AGE
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,640 – 1,645 หากยืนได้มีโอกาส Sideway ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,660 – 1,670 โดย Upside เริ่มจำกัดและยังถูกกดดันจากราคาพลังงานสูงขึ้น แนะนำเก็งกำไร PTT,PTTEP(+ราคาน้ำมัน)/ CPALL,CPN, BEC, WORK (+เปิดเมือง)
BE8* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 58.50 บาท) หุ้นใน Theme Digital transformation ที่มีการอัตราการเติบโตของกำไรโดดเด่นในช่วง 2 ปี (ปี 65-66) เฉลี่ยราว 60-70% หลังเข้าควบรวม X10 ทำให้มีบุคลากรด้าน IT เพิ่มขึ้นเป็น 600 คน กลายเป็นผู้นำในตลาดอาเซียน รองรับการขยายตัวของธุรกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ปัจจุบัน BE8 เป็น partner กับ Salesforce ส่วน X10 เป็น partner กับ MuleSoft และมีความชำนาญทางด้าน Blockchain, Cybersecurity, Digital Solution โดยการควบรวมจะช่วยเพิ่ม Recurring income ให้แก่บริษัท ส่วนการเติบโตแบบ Organic ขยายฐานลูกค้าภาครัฐ ซึ่งได้งานท่าเรือและไปรษณีย์ไทย ทำให้มี BL ในมือ สิ้น 1Q65 ที่ 564 ล้านบาท และยังรอเข้าประมูลอีกราว 600 ล้านบาท
CENTEL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 45.00 บาท) ได้ประโยชน์จากการ Reopening ในประเทศ รวมถึงมาตรการผ่อนคลายต่างๆสูงเนื่องจาก Portfolio โรงแรมของ CENTEL* มีสัดส่วนห้อง(ที่ปัจจุบันเปิดให้ดำเนินการ)ในไทยมากถึงราว 80% ขณะที่โรงแรมใน Maldives ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศที่ฟื้นตัวดี โดยยอดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ Maldives ในช่วง 01 ม.ค.65 - 21 พ.ค.65 มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 6.65แสนคน(+51.8%YoY และเมื่อเทียบกับ norm ในปี2019หดตัวเพียง -7.5%) ด้านธุรกิจ Food คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวตามการเปิดเมืองในไทยเช่นกันโดยแบรนด์ของบ.ยังมีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น KFC หรือ Mister Donut ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี65 ภาพกำไร(ขาดทุน)สุทธิของ CENTEL* จะปรับตัวดีขึ้นจากการขาดทุนในปี63 และ64