MAJORบุพเพฯ2กระหึ่ม ฟอร์มยักษ์เข้าฉายเพียบ
#MAJOR #ทันหุ้น - MAJORโรงภาพยนตร์แตก “บุพเพสันนิวาส 2” กระแสแรง 4 วันโกยรายได้ทะลุ 130 ล้านหนุนกำไรทันที ชูตลาดหนังไทยคึกจ่อเข้าฉายครึ่งปีหลังอีก 20-25 เรื่อง หนังฮอลีวู้ดฟอร์มยักษ์ต่อคิวหลายเรื่อง เปิดเต็ม 100% ป๊อปคอร์นขายดี มีกำไรพิเศษขาย TTM โบรกชี้ Q2 แตะ 138 ล้านบาท ปันผลครึ่งปีแรก 0.15 บาท เป้า 25.50 บาท
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยว่า ภาพยนตร์ "บุพเพสันนิวาส 2" ตำนานรักข้ามภพบทใหม่ ได้รับความชื่นชมอย่างล้นหลาม นับตังแต่วันเริ่มฉาย 28 กรกฎาคมจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 สามารถทำรายได้เกิน 130 ล้านบาทแล้ว ขึ้นแท่นหนังไทยที่ผ่านหลัก 100 ล้านบาท ทั่วประเทศ
กระแสตอบรับที่ดีจะช่วยให้ผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังมีหนังไทยที่จะเข้าฉายอีกกว่า 20-25 เรื่อง อาทิ เรื่องใจฟูสตอรี่ ที่จะเข้าฉายวันที่ 11 สิงหาคม 2565 นอกจากนี้ยังมีหนังฮอลีวู้ดฟอร์มยักษ์ที่จะเข้าฉายอีกหลายเรื่องทั้ง The Black Panther 2 และ Avatar 2
*ครึ่งปีหลังผลงานแกร่ง
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 3/2565 จะมีการบันทึกบัญชีขายหุ้นบริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด หรือ TTM จำนวน 200,000 หุ้น หรือคิดเป็น 20% ให้กับ TICKETMASTER EUROPE HOLDCO LTD. ในราคาหุ้นละ 614.70 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 122.94 ล้านบาท และยังมีรายได้จากจากการจำหน่ายป๊อปคอร์นได้หลากหลายช่องทาง ทั้งเดลิเวอรี โดยครอบคลุมทุกช่องทางเดลิเวอรี ผ่านทาง Grab, Food Panda, Line Man, Shopee Food, Robinhood และ Air Asia Food อีคอมเมิร์ซ Shopee, Lazada โมเดิร์นเทรด โลตัส, บิ๊กซี, วิลล่า มาร์เก็ต, กูร์เมต์ มาร์เก็ต,
นอกจากนี้ยังมี โฮม เฟรช มาร์ท, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้ลูกค้าคนรักป๊อปคอร์นได้อร่อยกับป๊อปคอร์นได้ทุกที่ ทุกเวลา และยังสะดวกในการเลือกซื้อจากช่องทางที่หลากหลาย อย่างไรก็ดีจากการฟื้นตัวของโรงภาพยนตร์ เชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และดีขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2566
*ครึ่งแรกมีปันผล 0.15 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง MAJOR คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2565 จะพลิกเป็นบวก 30.0% จาก -30.7% ใน ไตรมาส 2/2564 เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้นและการประหยัดต้นทุนด้านบุคลากรและค่าเช่า โดยกำไรสุทธิของ MAJOR น่าจะสูงถึง 138 ล้านบาท คาดว่าเงินปันผลสำหรับครึ่งปีแรก 2565 เท่ากับ 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปีที่ 0.7% จำนวนที่นั่งและรอบฉายกลับมาเป็นปกติ จำนวนที่นั่งในโรงหนังกลับมาเป็นปกติที่ 100% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมและรอบฉายหนัง 6-7 รอบต่อวัน หนังไทยเรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 ที่เข้าโรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้รับการตอบรับดี มีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทใน 4 วันแรกที่หนังฉาย
ขณะที่ Thor 4 ทำรายได้ 180 ล้านบาท ส่วนหนังใหญ่ที่จะเข้าในไตรมาส 4/2565 คือ The Black Panther 2 และ Avatar 2 พร้อมหนังไทยอีกหลายเรื่อง ประเมินแนวโน้มรายได้โฆษณาจะฟื้นตัวจากกิจกรรมทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นและคนดูหนังมากขึ้น การขายหุ้นในบริษัทร่วม Thai Ticket Major จะทำให้มีกำไรพิเศษ 123 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2565 อย่างไรก็ตาม Major Cineplex Lifestyle Leasehold (MJLF) ซึ่ง MAJOR ถือหุ้นอยู่ 33% อาจจะต้องตั้งค่าเผื่อการด้อยค่า เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากการ ต่ออายุสัญญา ไตรมาส 3/2565 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญา คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย (DCF) 25.50 บาท (WACC 7.9% G 2%)
ยอดนิยมในตอนนี้