รีเซต

TTB กำไร Q2/68 ที่ 5,004.27 ลบ. ลดลง 7.22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

TTB กำไร Q2/68 ที่ 5,004.27 ลบ. ลดลง 7.22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทันหุ้น
18 กรกฎาคม 2568 ( 13:02 )
23

#TTB #ทันหุ้น-ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 2/68 มีกำไร 5,004.27 ล้านบาท ลดลง 7.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 5,393.76 ล้านบาท มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 12,742 ล้านบาท ลดลง 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลตามทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายขาลงและการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางผ่านโครงการคุณสู้เราช่วย ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินเขื่อลดลง สุทธิด้วยต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในฝั่งของต้นทุนทางการเงิน ธนาคารบริหารควบคุมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ดี เนื่องมาจากแผนการปรับโครงสร้างเงินฝากและการบริหารจัดการหนี้สินและเงินกู้ยืมที่มีประสิทธิภาพ

 

ส่วนต่างรายได้ได้ดอกเบี้ย (NIM)อยู่ที่ 3.07% ในไตรมาส 2/68 ลดลง 12 bps จาก 3.19% ในไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 19 bps จาก3.26% ในไตรมาส 2/67 เป็นไปตามที่ธนาคารคาดไว้ ทั้งนี้NIM เริ่มปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในปี 2567 ตามวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยในไตรมาสนี้NIM ได้รับผลกระทบจากการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งไตรมาส ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงลดต้นทุนทางการเงินได้ต่อเนื่อง

 

ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 3,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2%  YoY โดยปัจจัยหลักมาจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและรายได้อื่น 

 

**งวด 6 เดือนแรกปี 68 

 

สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 10,100 ล้ำนบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น ROE ที่ 8.5%  

 

- NIM ในครึ่งปีแรกคิดเป็น 3.13% ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 3.10-3.25% แม้ว่าอัตราผลตอบแทนการให้สินเชื่อจะได้รับแรงกดดันทั้งจากภาวะอัตราดอกเบี้ยและโครงการช่วยเหลือลูกค้า ต้นทุนทางการเงินสามารถปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากแผนการบริหารเงินฝากและเงินกู้ยืมในเชิงรุก ช่วยลดผลกระทบเชิงลบบน NIM

 

-คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เป็นผลจากความเข้มงวดในการบริหารจัดการความเสี่ยง รวมถึงการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านโครงการ ‘คุณสู้เราช่วย’ ทำให้การตกชั้นของลูกหนี้ลดลง โดยค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ ในครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 8,874 ล้านบาท ลดลง 15% QoQ หรือคิดเป็นอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ 147 bps ซึ่งรวมการตั้งสำรองรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) อยู่ในระดับต่ำและค่อนข้างคงที่ โดยอยู่ที่ 2.73% ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 149%

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง