รีเซต

ภาวะโลกร้อนเร่งสปีด! น้ำทะเลสูง–พายุแรง–ฝนถล่มบ่อย กำลังกลายเป็น “เรื่องปกติ”

ภาวะโลกร้อนเร่งสปีด! น้ำทะเลสูง–พายุแรง–ฝนถล่มบ่อย กำลังกลายเป็น “เรื่องปกติ”
TNN ช่อง16
13 พฤศจิกายน 2568 ( 10:00 )

งานวิจัยล่าสุดโดย คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) เผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ภาวะโลกร้อนในปัจจุบันไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีกต่อไป แต่กำลัง “เร่งตัว” ขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุบสถิติเดิมตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา


นักวิทยาศาสตร์ของ IPCC ระบุว่า โลกกำลังร้อนขึ้นเฉลี่ย 0.27 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษ 1990–2000 ที่อัตราการร้อนขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 0.2 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ เท่านั้น พูดง่าย ๆ คือ โลกในวันนี้ร้อนขึ้นเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ และกำลังเดินหน้าเข้าสู่ “ยุคแห่งความร้อนแบบเร่งด่วน (Accelerated Warming Era)” อย่างแท้จริง


ผลจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นโดยตรง คือ “การละลายของน้ำแข็งขั้วโลก” ทั้งเหนือและใต้ ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบว่า ระดับน้ำทะเลโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 4.5 มิลลิเมตรต่อปีในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เทียบกับช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่เพิ่มเพียง 1.85 มิลลิเมตรต่อปี เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่า เมืองชายฝั่งทั่วโลก ตั้งแต่กรุงเทพฯ มะนิลา จาการ์ตา ไปจนถึงไมอามี ต่างเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้นต่อ “น้ำทะเลหนุน” และ “คลื่นซัดฝั่งรุนแรง” ที่อาจกลืนกินพื้นที่อยู่อาศัยของประชากรหลายสิบล้านคนในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า

องค์การสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่า โลกจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2573 ซึ่งขณะนี้โลกก็ได้อุ่นขึ้นแล้วราว 1.3–1.4 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้ความต่างเพียงเศษหนึ่งขององศา อาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบนิเวศและชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วม พายุ และคลื่นความร้อนที่เกิดถี่และรุนแรงมากขึ้น


หนึ่งในผลกระทบที่เห็นชัดคือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “พายุหมุนเขตร้อน” ทั้งไต้ฝุ่นและเฮอริเคน ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกส่งผลต่อ “กระแสลมและความดันบรรยากาศ” ทำให้พายุเคลื่อนตัวได้ช้าลงกว่าเดิม เมื่อพายุอยู่ในพื้นที่ใดนานขึ้น ก็ยิ่งปล่อยฝนฟ้าคะนองลงพื้นที่นั้นได้นานมากขึ้น ผลลัพธ์คือ “น้ำท่วมฉับพลันและรุนแรง” เกิดขึ้นได้แม้แต่ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีประวัติท่วมมาก่อน ซึ่งเรากำลังเห็นภาพเช่นนี้บ่อยขึ้นในฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น และแม้แต่บางจังหวัดของไทย


ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา มหาสมุทรทำหน้าที่เป็น “กันชนของโลก” โดยดูดซับความร้อนส่วนเกินจากชั้นบรรยากาศได้เกือบ 100% แต่ขณะนี้ น้ำทะเลบริเวณผิวน้ำเริ่มอิ่มตัวด้วยความร้อนเมื่อมหาสมุทรร้อนขึ้น ก็กลายเป็นแหล่งพลังงานเสริมให้พายุมีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งไต้ฝุ่นและเฮอริเคนได้รับ “เชื้อเพลิงธรรมชาติ” จากผิวน้ำทะเลที่อุ่นจัด ทำให้เกิดพายุที่มีแรงลมจัดและฝนตกหนักในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

อีกผลกระทบสำคัญจากภาวะโลกร้อน คือ ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอากาศที่อุ่นสามารถอุ้มน้ำในรูปของไอน้ำได้มากขึ้น เมื่อไอน้ำเหล่านั้นกลั่นตัวเป็นเมฆ ก็จะทำให้เกิดฝนตกในปริมาณมหาศาล นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ต้องเจอกับ “ฝนตกหนักแบบฉับพลัน” หรือ “ฝนตกต่อเนื่องหลายวัน” ซึ่งกลายเป็นความปกติใหม่ (New Normal) ของสภาพอากาศโลกยุคนี้


งานวิจัยของ IPCC สะท้อนชัดว่า เวลานี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “โลกร้อนขึ้น” อีกต่อไป แต่คือการที่ “โลกร้อนขึ้นเร็วเกินไป” การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน และการเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่คือ “ทางรอด” เดียวที่เหลืออยู่ของมนุษยชาติ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง