MALEE หยวนต้า คาดครึ่งปีหลังชะลอตัว คำสั่งซื้อลูกค้าชะลอตัว
#MALEE #ทันหุ้น-บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE หลังจากเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้(1 ก.ค.67) ซึ่งมีมุมมองเป็นกลาง โดยคาดว่าผลประกอบการผ่านจุดสูงสุดของปีไปแล้วเมื่อไตรมาส 1/67 แต่ยังสามารถเติบโต YoY ได้ทุกไตรมาสในช่วงที่เหลือของปี
ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 2/67 ของ MALEE เบื้องต้นอยู่ในกรอบ 50-80 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุน 13 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายในประเทศคาดเติบโตจากการได้ส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงขึ้น หลังมีการทำแคปเปญการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น หนุนการเติบโตของสินค้ากลุ่มหลักอย่างน้ำส้ม และน้ำมะพร้าว รวมถึงได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และยอดขายในต่างประเทศที่เติบโตทั้งจากฐานรายได้เดิม เช่น การส่งออกนมในตลาดกัมพูชา และจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าน้ำผลไม้เพิ่มขึ้น เช่น การขยายช่องทาง Modern trade (MT) ใน เกาหลี และการขยายช่องทางจำหน่ายแบบออนไลน์ในสหรัฐ
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติงวดไตรมาส 2/67 จะชะลอตัวจาก Q1/67 เนื่องจากได้ผ่านพ้นช่วงไฮซีซั่นในไตรมาสแรกปีนี้ และการรับรู้รายได้จากเชนร้านกาแฟขนาดใหญ่ในจีนลดลง ประกอบกับ GPM คาดจะหดตัว QoQ เพราะบริษัทจะรับรู้ราคาต้นทุนวัตถุดิบใหม่ที่มีราคาสูงมากขึ้น หลังต้นทุนเก่าที่มีราคาต้นทุนต่ำกว่าหมดแล้ว
ส่วนกำไรปกติในครึ่งปีหลังของ MALLEE คาดจะชะลอตัวจากครึ่งแรกปีนี้ จากการเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ของธุรกิจที่เป็นช่วงฤดูฝน รวมถึงบริษัทมี Guidance ว่ายอดคำสั่งซื้อของลูกค้า OEM (ในประเทศ)บางส่วนมีการชะลอตัวลงจากเป้าหมายคำสั่งซื้อก่อนหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการบริโภคของลูกค้าที่ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติจะยังเติบโต YoY ได้ต่อทุกไตรมาสที่เหลือของปีนี้ จาก 1) การออกสินค้าใหม่ 1 SKU ในกลุ่มน้ำมะพร้าว (สำหรับการขายในประเทศ) ซึ่งมีการใส่สารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายวางจำหน่ายช่วงเดือน ก.ค. รวมถึงการทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า 2) การขยายช่องทางการจัดจาหน่ายในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนการผลิตในครึ่งหลังปีนี้ คาดยังทรงตัวในระดับสูง แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าจะสามารถชดเชยได้บางส่วนจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเน้นการขายสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง และตัดสินค้าที่อัตรากำไรต่ำหรือไม่ทำกำไรออก ประกอบกับการลงทุนด้านระบบ และลดต้นทุนในการผลิต หนุน GPM
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยหวนต้า มีมุมมองเป็นบวกต่อธุรกิจใหม่ของบริษัท หรือธุรกิจ Malee Science ผลิตสารสำคัญจากผลไม้ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถใช้เพื่อเพิ่มสารอาหารในเครื่องดื่ม รวมถึงด้านเวชภัณฑ์อาทิส่วนผสมในเครื่องสำอาง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการจดสิทธิบัตรของสาร “Liposos”ซึ่งเป็นสารที่มีองค์ประกอบทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ โครเมียม โพแทสเซียม และแอลคาร์นิทีน ที่จะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน และรักษาสมดุลร่างกาย ซึ่งหากบริษัทสามารถจดสิทธิบัตรได้สำเร็จ บริษัทมีแผนที่จะนำเป็นส่วนผสมในสินค้าเพื่อสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด
รวมถึงการจำหน่ายสารดังกล่าวกับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและความงามเป็นลำดับถัดไป แม้ในระยะสั้นจะยังไม่มีผลต่อผลประกอบการ แต่ฝ่ายวิจัยมองจะเป็น Upside ในระยะยาว
ราคาหุ้น MALEE ช่วงบ่ายเคลื่อนไหวอยู่ที่ 11.30 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 3.42% มีมูลค่าการซื้อขาย 312.47 ล้านบาท