PYLONงานก่อสร้างขยับ ฟื้นชัดปี65โปรเจกต์รัฐนำ

ทันหุ้น - PYLON ทยอยเริ่มงานใหญ่ไตรมาส 4/2564 หลังโควิด-19 เริ่มคลายอวดแบ็กล็อกในมือกว่า 1,200 ล้านบาท รองรับยาวถึงไตรมาส 2/2565 จ่อรอเซ็นสัญญางานอีกเพียบ ส่วนปี 2565 คาดงานเมกะโปรเจกต์ทยอยเข้าหนุนรายได้กลับเข้าสู่ปกติ
ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากภาพยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ระดับเมกะโปรเจกต์ ยังไม่ได้มีเข้ามา ซึ่งตั้งแต่ในช่วงปี 2563 มาจนถึงปี 2564 พบว่างานภาครัฐค่อนข้างชะลอตัว ส่วนงานภาคเอกชน เช่น งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ไปเกือบทั้งตลาด
สัญญาณงานเริ่มมา
อย่างไรก็ตามปลายไตรมาสที่ 3/2564 บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณของงานภาครัฐออกมามากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีงานในพอร์ตบางส่วนที่ได้รับเข้ามาแล้วได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการก่อสร้างสถานทูตสหรัฐฯ และอีกหลายงานที่เตรียมจะทยอยลงโครงการก่อสร้างในช่วงไตรมาสที่ 4/2564 นี้
นอกจากนี้ยังมีงานอื่นๆที่มีศักยภาพ เช่น ทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง, รถไฟรางคู่, สนามบินอู่ตะเภาและรถไฟฟ้าสายสีส้มและม่วง ที่คาดว่าจะทยอยออกมาต่อเนื่อง
“ผมมองว่าสถานการณ์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป แต่คาดว่าทางฝั่งภาคเอกชนน่าจะยังไม่ดีขึ้น เช่น ตลาดคอนโดฯ แต่มองว่างานภาครัฐเริ่มดีขึ้นและสามารถเริ่มงานได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้” ดร.ชเนศวร์
สำหรับการเติบโตของรายได้รวมปีนี้ยังตอบได้ยากแต่ในปี 2565 บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมจะกลับเข้าสู่โหมดปกติจากเดิมก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงปี 2561-2562 ซึ่งมีรายได้ที่ประมาณ 1,445.13 ล้านบาท และ 1,576.32 ล้านบาท ตามลำดับ
มีงานรองรับไปถึงปี 65
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ทุกประเภททั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการทำงานได้ไปจนถึงไตรมาสที่ 1-2 ของปี 2565 โดยในช่วงที่เหลือของปี2564 บริษัทยังมีงานที่รอเซ็นสัญญาอีกหลายงานอย่างไรก็ตามยังไม่สามารถระบุมูลค่าได้
ขณะที่หากมีการประมูลงานเข้ามาเพิ่มเติม บริษัทจะคัดเลือกงานที่มีมาร์จิ้นสูง เพื่อสร้างอัตรากำไรที่ดี ส่วนงานภาครัฐขนาดใหญ่ที่บริษัทจะเตรียมประมูลเพิ่มเติมนั้นคาดว่าก็จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 เป็นต้นไป
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่บริษัทยังต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เรื่องของแรงงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน แม้ว่าปัจจุบันแรงงานจะเพียงพอต่อปริมาณงานที่มีอยู่ แต่งานที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า บริษัทยังต้องการแรงงานเพิ่มอีก ขณะที่การจดทะเบียนแรงงานใหม่ที่ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งมองว่าเป็นปัญหาของทุกอุตสาหกรรม โดยบริษัทหวังว่าสถานการณ์ โควิด-19 จะคลี่คลายลงทำให้ภาครัฐมีมาตรการผ่อนผันในเรื่องของการนำเข้าแรงงานได้มากขึ้น