กรมวิทย์ฯ ชี้ เรื่องปกติเจอซากเชื้อโควิด ตรวจพบได้นาน 3 เดือน

วันนี้ (20 ส.ค.63) จากข้อมูลการการแถลงข่าวของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบผลการตรวจหญิงไทย 2 ราย มีผลติดเชื้อโควิด-19 นั้น นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ออกมาระบุข้อมูลการตรวจหาเชื้อ และจะยืนยันการติดเชื้อได้ต้องมีข้อมูลผลตรวจจากห้องปฏิบัติการและข้อมูลการสอบสวนโรคร่วมกัน

นพ.โอภาส กล่าวว่า ในกรณีที่พบครั้งนี้การตรวจของผู้ติดเชื้อรายที่หนึ่ง ซึ่งการพบซากเชื้อถือเป็นปกติ เนื่องจากกรณีนี้ผู้ติดเชื้อเคยมีประวัติการตรวจทางห้องปฏิบัติการและยืนยันผลการพบเชื้อแล้วซึ่งจากข้อมูลของนานาชาติระบุว่า เชื้อไวรัสจะสามารถอยู่ในร่างกายและตรวจพบได้นาน 3 เดือน 

ทั้งนี้ ในประเทศไทยพบข้อมูลว่าในกลุ่มผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อมีร้อยละ 50 เป็นกลุ่มที่มีอาการป่วยชัดเจนร้อยละ 20 มีอาการเล็กน้อยและร้อยละ 30 ไม่มีอาการโดยกลุ่มนี้จะได้รับเชื้อ เชื้อจะอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 8 วันก่อนจะตายเอง ซึ่งหากมีการเก็บตัวอย่างมาตรวจหลังจาก 8 วัน ก็จะพบซากเชื้อของไวรัส

ส่วนกรณีของหญิงไทยรายที่สองที่ระบุว่า ในการตรวจหลังการกักตัวในสถานกักตัวของรัฐไม่พบเชื้ออาจเป็นไปได้ว่าปริมาณเชื้อในร่างกายมีน้อยหรือการเก็บตัวอย่างไม่ละเอียด ในกรณีนี้จำเป็นต้องมีการตรวจซ้ำเพื่อจะระบุได้ว่าผู้ติดเชื้อรายนี้รับเชื้อมาจากที่ใด โดยข้อมูลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ได้ระบุว่า กรณีของผู้ที่มีเชื้อในร่างกายในปริมาณน้อยโอกาสการแพร่เชื้อมีประมาณร้อยละ 0.6 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการป้องกันตนเองของคนรอบข้าง 

อย่างไรก็ตาม ในผู้ติดเชื้อรายนี้ต้องมีการใช้ข้อมูลการสอบสวนโรคเข้ามาร่วมในการประเมินด้วย เพราะข้อมูลที่มีเกี่ยวกับระยะเวลาการฟักตัวของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ยังมีการยืนยันที่ระยะ 14 วันแต่ก็ยังมีการศึกษาทดลองเพิ่มเติมว่าระยะการฟักตัวของเชื้อและอยู่ในร่างกายอาจมากกว่า 30 วัน จึงยังไม่สามารถสรุปข้อมูลได้ชัดเจนว่าการติดเชื้อของหญิงไทยรายนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ยังคงทำงานอยู่ต่างประเทศหรือเกิดขึ้นในประเทศหลังการกักตัว 

ขณะนี้ ทางกรมควบคุมโรคได้รับตัวอย่างเชื้อของหญิงชาวไทยที่มีภูมิลำเนาเดิมที่จังหวัดเลยเข้ามาตรวจเพื่อจะสรุปผลอีกครั้ง ส่วนผลการตรวจจะออกในช่วงเย็นวันนี้