กมธ.ดีอีเอส เชิญ กสทช.-ก.ดีอี-NT-ไทยคม ถกปัญหาวงโครจรดาวเทียม
น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ดีอีเอส ได้ประชุมเพื่อพิจารณาสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมสำหรับตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม 119.5 องศาตะวันออก หรือ ดาวเทียมไทยคม 4 ที่จะหมดสัญญาในปี 2566 จึงจะต้องเปิดประมูลเพื่อต่อสัญญาวงโคจร โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.),บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) บริการพิจารณาเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ ที่กมธ.ได้ติดตาม และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เนื่องจาก ดาวเทียมไทยคม 4 ที่ให้หมดสัญญา จึงต้องการทราบความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เมื่อถึงเวลาสิ้นสุดระยะการประมูลแล้ว แต่ยังสามารถต่อสัญญาดำเนินการได้ เพราะมีเพียงไม่กี่บริษัท ที่มีคุณสมบัติประกอบการได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร และหากเกิดความเสียหาย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ และมีวิธีการอย่างไร
น.ส.กัลยา กล่าวว่าว่า กสทช. ได้ชี้แจงว่า ในความต่อเนื่องการให้บริการนั้น กสทช. เองได้เตรียมแผนการให้บริการไว้ 2 ส่วน คือ ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องโดยไม่คาดฝัน และกรณีที่ดาวเทียมจะหมดอายุ และจะมีดาวเทียมดวงใหม่มาทันเวลาหรือไม่ ซึ่งในกรณีแรกนั้น กสทช. ได้มีแผนรองรับอาจต้องย้ายลูกค้าให้ไปใช้บริการจากดาวเทียมดวงอื่นชั่วคราว หรือในกรณีที่ดาวเทียมจะหมดอายุนั้น กสทช. ได้ยืนยันว่า ได้พยายามเร่งกระบวนการเปิดประมูล แต่ก็ประสบปัญหาภายในของ กสทช. ที่กรรมการฯ ใกล้ครบวาระ และรอคณะกรรมการ กสทช. ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ แต่สำนักงาน กสทช. ก็ได้พยายามแก้ไขปัญหา เพื่อให้การโทรคมนาคมของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เช่น การหาดาวเทียมดวงอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมาทดแทน หรือยอมให้มีช่องว่างเวลาระหว่างที่ดาวเทียมดวงแรกหมดอายุ ก่อนที่ดาวเทียมดวงใหม่จะมาให้บริการ ซึ่งในระหว่างนั้น ก็ยังคงอาจต้องใช้ดาวเทียมดวงอื่น ๆ ให้บริการชั่วคราว
พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานกมธ.ดีอีเอส กล่าวว่า กสทช. มีความตั้งใจที่จะเปิดประมูลคัดเลือกผู้รับในอนุญาตประกอบการรายใหม่ ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบการรายใหม่ที่รับช่วงต่อ เป็นผู้รับผิดชอบในกรณีที่สามารถต่อสัญญาได้ทันตามกำหนด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการ หรือหากยังไม่มีผู้รับได้ทันกรอบเวลาบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด หรือ NT เป็นผู้รับผิดชอบ และทางกมธ. ได้แนะนำให้สำนักงาน กทสช. ได้เตรียมแผนฉุกเฉินกรณีที่ กสทช. ไม่สามารถเปิดประมูลสัญญาดาวเทียมได้ทันตามกำหนด เนื่องจาก กสทช. ชุดปัจจุบันใกล้จะครบวาระการทำงาน และหวังให้ กสทช. ได้รวบรวมความเห็นเชิงวิชาการว่า การเปิดประมูลนั้น ยังมีความจำเป็นหรือไม่ เพราะการประมูลคลื่นความถี่ เป็นความเฉพาะทาง และมีผู้ประกอบการบางรายเท่านั้นที่สามารถทำได้ และอาจมีผู้ประมูลเพียงรายเดียว หรือเกิดนอร์มินีมาร่วมประมูล จนอาจทำให้การประมูลต้องล้มไป หรือทำให้มูลค่าการประมูลสูงจนเป็นผลกระทบ เกิดภาระต่อประชาชน