รีเซต

คนรวยชอบลองของใหม่ ดันยอดอีวีพุ่ง200%

คนรวยชอบลองของใหม่ ดันยอดอีวีพุ่ง200%
มติชน
25 ตุลาคม 2563 ( 08:56 )
98
คนรวยชอบลองของใหม่ ดันยอดอีวีพุ่ง200%

 

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปี 2563 คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามีปริมาณ 2,000 คัน เพิ่มขึ้น 150% เทียบกับปี 2562 เนื่องจากราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มลดลงบ้าง และมีสถานีชาร์จไฟฟ้ากระจายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งผู้บริโภคที่มีฐานะดี ยังมีกำลังซื้อสูง ส่วนใหญ่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันที่ 3 หรือ 4 และปี 2564 คาดว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 200%

 

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศขยายตัวในระดับสูงเช่นเดียวกัน ทำให้คาดว่าการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ บีอีวี จะเริ่มลงทุนเร็วกว่าที่กำหนด จากเดิมบริษัทที่ขอส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) จะเริ่มลงทุนตั้งโรงงานในปี 2565 เชื่อว่า จะเร่งลงทุนให้เร็วขึ้นในปี 2564 เพื่อรองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ และจะมีการลงทุนผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถบีอีวีในไทยมากขึ้น

 

“ระยะต่อไปเชื่อว่า ราคารถยนต์ไฟฟ้าบีอีวีจะลดต่ำลง เนื่องจากเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นต่อเนื่อง หากราคาลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 800,000 บาทต่อคัน เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จะทำให้มีการใช้รถบีอีวีมีปริมาณ จากปัจจุบันยังมีราคาสูง โดยราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณคันละ 1.1 ล้านบาท ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก”นายสุรพงษ์กล่าว

 

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับศักยภาพการดึงดูดการลงทุนรถบีอีวีในไทยในปัจจุบันถือว่าสูงสุดในอาเซียน เพราะรายได้ต่อหัวต่อคนอยู่ในระดับสูง แรงงานที่มีทักษะด้านการผลิตรถบีอีวีเพียงพอ จากที่ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์มานานจึงพัฒนาทักษะแรงงานด้านยานยนต์สูงกว่า แต่จะต้องเพิ่มทักษะด้านรถยนต์ไฟฟ้าไปด้วย รวมทั้งไทยยังเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีความหลากหลาย จึงทำให้ไทยมีแรงดึงดูดสูงในการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

 

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ต้องการให้บีโอไอพิจารณาเปิดมาตรการส่งเสริมการลงทุนรถบีอีวีอีกครั้ง จากเดิมเปิดในปี 2562 เชื่อว่ายังมีบริษัทรถยนต์อีกหลายรายยังคงสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม รวมทั้งรัฐบาลควรจะเร่งส่งเสริมให้ขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องของความปลอดภัย ความประหยัดของรถยนต์ไฟฟ้า และการแก้ปัญหามลพิษฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่ต้นเหตุ เพราะที่ผ่านมาประชาชนยังกังวลในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากทำให้ในสิ่งเหล่านี้ จะเพิ่มยอดการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศได้มากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง