สรุสรุปประเด็น Orb จาก World เก็บ “ภาพม่านตา” คนไทย จริงไหม? หลังถูกตั้งคำถาม เก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ไม่นานมานี้ สังคมออนไลน์และเพจเฟซบุ๊กบางเพจ ออกมาตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของเครื่อง Orb จาก World ซึ่งเป็นโครงการของ บริษัท Tools for Humanity โดยตั้งคำถามว่า World เก็บข้อมูลส่วนตัวคนไทยไปหรือไม่ เข้าข่ายละเมิด กฎหมาย PDPA หรือเปล่า?
เรามาทำความรู้จัก Orb กันว่า ทำงานอย่างไร ถ่ายม่านตาเราไปเพื่ออะไร และมีข้อกังวลด้านความปลอดภัย ตามที่ถูกตั้งข้อสงสัยไว้หรือไม่
เหรียญสองด้านของ AI
เทคโนโลยี AI พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และถือว่ามีประโยชน์และทรงอานุภาพ กลับกัน AI เริ่มสร้างผลกระทบเชิงลบ ให้เราได้เห็นกันแล้ว
อาทิ บอตเอไอไร้ตัวตนใน X ที่ดำเนินการปั่นและกระจายข่าวปลอม จากการสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอม การโจมตีทางไซเบอร์ หรือแม้แต่ Deepfake ที่สามารถแปลงใบหน้าใครให้กลายเป็นเราได้อย่างง่ายดาย และขยับใบหน้า ปาก พร้อมสร้างเสียงเหมือนตัวเรา ออกมาได้ด้วย เหมือนที่เคยเห็นในข่าววิดีโอที่สร้างด้วยเอไอ มาหลอกประชาชนลงทุน
คำถามคือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เบื้องหลังบัญชีเหล่านั้น คือ มนุษย์จริง ๆ ไม่ใช่ บอตเอไอ นี่จึงเป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยี Proof of human ที่สามารถแยกแยะมนุษย์กับเอไอได้
ทำความรู้จัก World
กระบวนการพิสูจน์ความเป็นมนุษย์เพื่อแยก “มนุษย์” ออกจาก “บอต” ในการทำธุรกรรมทางดิจิทัลมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น Capcha ที่ให้เรากดหาภาพ ไฟแดง รถจักรยาน ให้ถูก เพราะเอไอยังอ่านภาพไม่ได้ หรือการใช้ OTP password หรือ รหัสใช้แล้วทิ้ง
แต่ปัจจุบัน เอไอมีความสามารถในการอ่านภาพได้ และวิวัฒนาการจนเครื่องมือพิสูจน์ความเป็นมนุษย์แบบเก่า อาจใช้ไม่ได้ผล
World ซึ่งเป็นโปรเจคเพื่อมวลมนุษยชาติจึงถือกำเนิดขึ้น โดย World เป็นเทคโนโลยี proof of human ขั้นล่าสุด ที่ใช้เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ออกจากเอไอผ่าน ภาพถ่ายม่านตา
World ถูกพัฒนาโดย Tools for Humanity บริษัท Tech start-up สัญชาติสหรัฐฯ และ เยอรมนี ก่อกำเนิดในปี 2019 โดย Alex Blania และ Sam Altman ซีอีโอ OpenAI เจ้าของ ChatGPT
พวกเขาต้องการสร้างเครื่องมือ เพื่อยืนยันว่า บุคคลนั้นเป็นมนุษย์ ไม่ใช่โปรไฟล์ปลอม หรือ เอไอ แค่ให้ผู้ใช้นำสิ่งที่ยืนยันความมนุษย์ นั่นก็คือ ม่านตา ไปแสดงที่เครื่อง Orb ทรงกลม และระบบจะสร้าง World ID ใช้ยืนยันตัวตนให้
World เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ให้ประชาชนเข้ารับการยืนยันว่าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่บอต จากเครื่องกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศไทย
เครื่อง Orb ทำงานอย่างไร?
ก่อนการสแกนม่านตา ผู้ใช้ต้องโหลดแอปพลิเคชัน World ID มาก่อน จากนั้น ไปสแกนม่านตาที่เครื่อง Orb โดยที่เราไม่ต้องกรอกข้อมูลใด ๆ
ระบบจะแปลงภาพม่านตา ไปเป็น Iris code จัดเก็บเป็นตัวเลขเชิงซ้อน และแสดงผลให้เราใช้ได้ผ่านแอปพลิเคชัน World ID เสมือนเป็น Digital ID พิสูจน์ความเป็นมนุษย์ในกิจกรรมทางดิจิทัลอื่น ๆ ต่อไปได้
คำถามที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและเพจเฟซบุ๊กบางเพจ ตั้งข้อสงสัยคือ มีการเก็บข้อมูลม่านตาของคนที่สแกนม่านตา เพื่อสร้าง Digital ID หรือไม่
ผู้บริหาร World ยืนยันกับ TNN Online ว่า ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เอาไว้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อถ่ายภาพม่านตาเสร็จ ระบบจะลบภาพทิ้งทันที เพราะ Iris code จัดเก็บเป็นข้อมูลตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสตัวเลข ที่ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นภาพต้นฉบับได้
รหัสตัวเลขนี้ จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยภาพถ่ายและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน ซึ่ง World ออกแบบระบบให้เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้
ความโปร่งใสของ World พิสูจน์ผ่าน การสร้างเครือข่ายแบบเปิด (Open source) และกระจายศูนย์ (Decentralized) โดยส่วนประกอบหลักของทั้งฮาร์ดแวร์ เช่น อุปกรณ์ Orb และซอฟต์แวร์ เช่น โปรโตคอลของ World ID ได้รับการเปิดเผยซอร์สโค้ดต่อสาธารณะ และสามารถเข้าตรวจสอบได้
เทคโนโลยีทั้งหมดได้รับการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยและความโปร่งใส
ปัจจุบัน มีประเทศที่ใช้ World แล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ส่วนในไทยมีหลายบริษัท ที่กำลังเอาระบบ World ID ไปใช้ ทั้ง Pantip, EventPop, เกม Raknarok และ GoGolook เป็นต้น
สุดท้ายย้ำว่า World ID จาก World Tools for Humanity ตัวนี้ เป็น นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับมนุษยชาติ เพื่อให้ระบบดิจิทัล สามารถจำแนก มนุษย์ ออกจาก AI บอต ได้ โดยไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวของเรา ปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
