รีเซต

JKN ลูกค้าใหม่หนุนงบ Q3 โดด เล็งทุ่มงบซื้อลิขสิทธ์ฮอลลีวูด

JKN ลูกค้าใหม่หนุนงบ Q3 โดด เล็งทุ่มงบซื้อลิขสิทธ์ฮอลลีวูด
ทันหุ้น
6 ตุลาคม 2563 ( 09:00 )
119
JKN ลูกค้าใหม่หนุนงบ Q3 โดด เล็งทุ่มงบซื้อลิขสิทธ์ฮอลลีวูด

ทันหุ้น – สู้โควิด - JKN ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 3/63 โตก้าวกระโดด หลังเดินเกมรุกขยายฐานต่างแดนเต็มสูบ ล่าสุดสยายปีกเอเชียใต้ กลุ่มประเทศ UAE พร้อมกางแผนเตรียมซื้อคอนเทนต์ลิขสิทธ์จากฮอลลีวูด-ซีรี่ย์จีน และสารคดี เผยความคืบหน้าย้ายหุ้นเข้า SET คาดแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

นายธีรภัทร เพ็ชรโปรี รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า ทิศทางครึ่งปีหลัง บริษัทยังเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศอดย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/2563 JKN สามารถจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อินเดียและฟิลิปปินส์ ให้แก่ มาเลเซียและกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้น รวมถึงทยอยส่งมอบคอนเทนต์ซีรีส์ละครไทยจากช่อง 3 ให้แก่ TV5

 

ขยายฐานลูกค้าใหม่

 

ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทมีการขยายฐานลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติมทั้งในกลุ่มประเทศแถบลาตินอเมริกา บรูไน ไต้หวัน ศรีลังกา บังคลาเทศ แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และภูฏาณ ซึ่งส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปีนี้

 

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะมีการทยอยซื้อลิขสิทธ์คอนเทนท์เข้ามาต่อเนื่อง โดยคาดว่างบประมาณการซื้อคอนเทนท์ปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1,500 -1,800 ล้านบาท เนื่องจากคอนเทนต์มีราคาที่ถูกลง จากสถานการณ์โควิด-19 บริษัทจึงมองว่าเป็นจังหว่ะในการซื้อคอนเทนต์เข้ามาบริหาร โดยได้สิทธิ์จำนวนปีที่นานขึ้นเป็น 5-7 ปี ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีลิขสิทธ์คอนเทต์แล้วประมาณกว่า 3,000 เรื่อง หรือกว่า 20,000 ชั่วโมง

 

“กลยุทธ์เติบโตของเราในช่วงครึ่งปีหลัง มาจากการรุกขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยผลักดันผลงานของ JKN ในปีนี้ให้เติบโต 10-15% โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ JKN ต้องการมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า”

 

แผนงานปี 64

 

ขณะที่แผนงานในปี 2564 บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนซื้อคอนเทนต์ใหม่อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณในการซื้อลิขสิทธ์คอนเทนท์แบบปกติ ขณะที่ในปีนี้ทยยอยซื้อคอนเทนท์ที่น่าสนใจเข้ามาเพิ่มเติม อาทิ ลิขสิทธ์คอนเทนท์จากฝั่งฮอลลีวูด-ซีรี่ย์ประเทศจีน และสารคดี ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี

 

นอกจากนี้บริษัทจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากการขยายลิขสิทธ์คอนเทนท์ ในต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดไปยังประเทศเอเชียใต้, กลุ่มประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE), ประเทศแถบลาตินอเมริกา, บรูไน,ไต้หวัน, ศรีลังกา, บังคลาเทศ, แอฟริกาใต้, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และภูฏาณ เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตที่ดี

สำหรับภาพรวมรายได้จากต่างประเทศในปีนี้มีสัดส่วนประมาณ 30-35% โดยบริษัทคาดหวังการเติบโตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศเป็น 50%

 

จับตารายได้ปีนี้

 

ทั้งนี้รายได้รวมของบริษัทปีนี้ยังต้องติดตามการส่งมอบคอนเทนท์ หากล่าช้าอาจจะทำให้รายได้ไม่ถึงเป้าหมายที่ 2,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามจะกลับมาเป็น Backlog ของบริษัทต่อไป ด้านอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 45% จากครึ่งปีแรกทำได้แล้วอยู่ที่ 43.04% และในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50% จากการที่บริษัทบริหารจัดการต้นทุน เเละควบคุมค่าใช้จ่ายการขายและบริการ ชะลอการออกบูธต่างประเทศจากปัญหาโควิด-19 ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวปีนี้ลง 20 ล้านบาท

 

ส่วนความคืบหน้าการย้ายหุ้น JKN จากตลาด mai เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ปัจจุบัน บริษัทได้ยื่นเอกสารแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาจาก สำนักงาน กลต. คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันเข้าถือครอง โดยคาดหวังการเติบโตและเสถียรภาพของราคาหุ้นมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทจะพัฒนาให้ JKN เข้าเกณฑ์หุ้นหยั่งยืน(ESG)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง