ประวัติ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ อดีตคณะกรรมการสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน อดีตคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และ อดีตอัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานคณะกรรมการอัยการ
ธาริต เกิดที่โรงพยาบาลคริสเตียน ในตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เมื่อแรกเกิดมีร่างกายไม่แข็งแรงนัก ต้องอยู่ในตู้อบที่โรงพยาบาลนานถึง 3 เดือน ผู้เป็นแม่จึงเดินทางด้วยเรือ ไปพบหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เพื่อขอให้ตั้งชื่อ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำจึงให้ชื่อว่า "เบญจ" (เป็นชื่อเดียวกับชื่อเล่นด้วย) เพื่อเป็นการแก้เคล็ดเนื่องจากพี่ของนายธาริตที่เกิดก่อนหน้านั้นถึง 4 ได้เสียชีวิตหมดตั้งแต่แรกคลอด เป็นหลานปู่ของ ร.อ.เจี๊ยบ เพ็งดิษฐ์ นายทหารคนใกล้ชิดจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งลาออกจากราชการและย้ายครอบครัวจากพระนครไปอยู่ที่จังหวัดชัยนาท หลังจอมพล ป.ถูกรัฐประหาร
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นเข้าศึกษาต่อในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น KU 37 แต่ด้วยความไม่ชอบและปรับตัวไม่ได้ กับระบบ "โซตัส" จึงลาออกไปสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในปี 2521 จนสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) และเนติบัณฑิตไทย รวมถึงนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่ออายุได้ 35 ปี จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นธาริต ตามหลักทักษาปกรณ์ตามความเชื่อของโหราศาสตร์ไทย โดยให้คำว่า ธ เป็นเดชนำหน้าชื่อ
ปี 2519 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ปี 2524 ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ปี 2526 เนติบัณฑิตไทย
ปี 2532 ปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[8]
ข้อวิจารณ์
กรณีที่ไม่สั่งฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กรณีปราศัยเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554 เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากข้อความที่นายจตุพรกล่าวปราศัยนั้น ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กรณีคดีเงินบริจาคน้ำท่วม กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยออกหนังสือถึงประชาชนผู้บริจาคน้ำท่วมผ่านทางพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ พ.ศ. 2553 โดยขอให้ไปชี้แจงต่อดีเอสไอ ว่าการบริจาคดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 หรือไม่ ถูกวิจารณ์กว่าเป็นการกระทำเกินกว่าอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
กรณีรับเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเพื่อเอาผิดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ายื่นหนังสือให้เอาผิดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เขาทำหนังสือแจ้งว่าไม่พบการกระทำผิดและทำหนังสือยกเลิกการอายัดทรัพย์สิน ลงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 แต่ภายหลัง รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 กรมสอบสวนคดีพิเศษมีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลอาทิ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร รวมถึงออกหมายจับ พระธัมมชโย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ธาริต เพ็งดิษฐ์ เคยได้รับและถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสูงสุดตระกูลต่างๆ ดังนี้
พ.ศ. 2556 – Order of the White Elephant - Special Class (Thailand) ribbon.svg เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2551 – Order of the Crown of Thailand - Special Class (Thailand) ribbon.svg เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
พ.ศ. 2558 – Chakrabarti Mala Medal (Thailand) ribbon.svg เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)
ข้อมูล วิกิพีเดีย
ภาพ TNNOnline