‘ยูเอซี’ ส่งซิกไตรมาส 2/64 ธุรกิจฟื้น ย้ำรอรับรู้รายได้เพิ่ม 250 ล้านบาท เล็งชิงเค้กโรงไฟฟ้าชุมชน
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทในไตรมาส 2/2564 นั้น ยังคงมุ่งเน้นนโยบายการลงทุนด้านEnergy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ กลุ่มประเทศ CLMV โดยจะพิจารณาต่อยอดธุรกิจเพื่อเลือกลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทน (ROE) ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ขึ้นไป จากที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 18.5% พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่อย่างใกล้ชิด และประเมินผลกระทบต่อธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกครั้ง
”ภาพรวมด้านกลุ่มพลังงานเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้มีรายได้รอรับรู้ พร้อมส่งมอบกว่า 250 ล้านบาท ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งอาทิ โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี พลังงาน และเคมีภัณฑ์ เริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ และการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยมุ่งเน้นไปที่การทำกำไรสุทธิเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และขยายโอกาสทางธุรกิจโดยปรับนำ business model ใหม่เช่นการทำ consulting service มาใช้” นายชัชพล กล่าว
นายชัชพล กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเข้ารวมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนตามแผนนโยบายของภาครัฐ จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตแห่งละ 3 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 18 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะได้รับการคัดเลือก เนื่องจากมีความพร้อมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ ในธุรกิจพลังงานจากก๊าซชีวภาพมากว่า 10 ปี และยังมีโรงไฟฟ้าต้นแบบอยู่ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ซึ่งจากแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ข้างต้น เชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ การเติบโตของรายได้ในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน พร้อมทั้งตั้งเป้า EBITDA ไม่ต่ำกว่า 20% ของยอดขาย ตามการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวและการบริโภคสินค้าและบริการซึ่งกลับมามีแนวโน้มดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วโลก
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2564สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 334.86 ล้านบาท และมีผลกำไร 77.08 ล้านบาท ลดลง 26.52% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลกำไร 104.89 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 119.81 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักๆการปรับตัวลดลงของผลการดำเนินงานมาจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทำให้ธุรกิจเทรดดิ้งยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที