ชาวบ้านโอด ออกงมกุ้ง ทำมาหากินไม่ได้ จระเข้ ยังพลุกพล่านในพื้นที่
ชาวบ้านโอด ยังออกทำมาหากินเลี้ยงชีพไม่ได้ หลังยังมีผู้พบเห็นจระเข้พลุกพล่านอยู่ในสวนชาวบ้านและมีโผล่กลางลำน้ำบางปะกง ทำขยาดไม่กล้าลงงมควานหากุ้งแม่น้ำตามวิถีชีวิตปกติ วอนผู้รับผิดชอบเร่งค้นหาจับจระเข้ออกไปให้หมดจากพื้นที่ ทั้งยังฝากถามไปถึงยังหน่วยงานรัฐ “จะสงสารจระเข้หรือสงสารคนที่กำลังจะอดตาย“ เหตุไม่พบเงาของการไล่ล่าจับจระเข้ที่เลือนหายไปพร้อมกระแสข่าว
วันที่ 20 มิ.ย.65 เวลา 16.00 น. น.ส.สุภาพร ดำรงพันธ์ อายุ 61 ปี ชาวอ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวโอดครวญฝากผ่านทางผู้สื่อข่าว ไปถึงยังหน่วยงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ หลังจากยังที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการพบเห็นจระเข้ในบริเวณกลางลำน้ำบางปะกงอีก ในพื้นที่รอยต่อกันระหว่าง ต.สาวชะโงก อ.บางคล้า และ ต.คลองจุกเฌอ และ ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา รวมถึงยังมีผู้พบเห็นจระเข้เข้ามาอยู่อาศัยภายในสวนของชาวบ้าน ในพื้นที่ ม.5 ต.สาวชะโงก ด้วยนั้นว่า
ขณะนี้ชาวบ้านผู้มีอาชีพทำมาหากินอยู่กับน้ำ ทั้งงมหากุ้งแม่น้ำ งมปลา ยังไม่สบายใจหลังจากมีคนพบว่ายังคงมีจระเข้อยู่ตามแหล่งน้ำอีกจำนวนมากกว่าที่ถูกจับไปได้แค่เพียง 2 ตัว จนไม่มีใครกล้าที่จะออกไปทำมาหากินตามปกติ หรือไม่มีใครกล้าที่จะลงไปในแหล่งน้ำ ขณะเดียวกันชาวบ้านยังไม่มีใครพบเห็นว่าจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องออกมาหาไล่ล่าจับจระเข้ออกไปจากพื้นที่ ทั้งที่ยังมีผู้คนพบเห็นกันอยู่บ่อยครั้งจำนวนหลายราย หลังจากกระแสข่าวเริ่มเงียบหายไป ทางเจ้าหน้าที่ก็พลอยเงียบหายตามไปด้วย
หากเกิดเหตุการณ์จระเข้กัดคนจนถึงแก่ความตาย แล้วจะทำอย่างไร เพราะชาวบ้านหยุดออกไปหากินกันมานานถึงเกือบเดือนแล้วจึงไม่มีรายได้ สุดท้ายก็จะต้องออกไปงมหากุ้งกันอีกเพราะทนอดอยากขาดรายได้เลี้ยงชีวิตไม่ไหว เนื่องจากทำกินด้วยอาชีพนี้กันมานาน และงมกุ้งกันเพียงอาชีพเดียว “หากเจ้าหน้าที่จะสงสารจระเข้ ให้สงสารคนก่อนดีกว่าไหม” เพราะชาวบ้านทำอะไรไม่ได้ เมื่อไม่ได้ออกหากินก็ลำบากเพราะเกิดมาเป็นคนจน จะฆ่าจระเข้ตายก็ผิดกฎหมายและกลัวติดคุก
ขณะที่เจ้าหน้าที่นั้น เมื่อมีข่าวถึงการพบเห็นจระเข้ก็ควรที่จะเร่งรีบมาจับออกไป เพราะมีข่าวออกไปแล้ว ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนก็ยังไม่มาจับ เท่าที่เห็นเคยมาแค่เพียงในช่วงแรกๆ หลังเกิดเหตุจระเข้กัดขาคนแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น น.ส.สุภาพร กล่าว
ด้านนางดวงสมร มิตรยิ้ม อายุ 53 ปี ชาวบ้าน ม.1 ต.สาวชะโงก กล่าวว่า พวกตนมีอาชีพงมหากุ้งกันมานานจนอายุ 50 กว่าปีไปจนถึง 60 กว่าปีกันหมดแล้ว จะไปทำอาชีพอื่นก็ไม่ได้ จะไปสมัครทำงานในโรงงานก็ไม่มีใครเข้ารับ เพราะแก่กันหมดแล้ว พวกประมงเขามีเงินเดือนกินกัน แต่ชาวบ้านไม่มีเงินเดือนกิน ก็ต้องอยากออกไปทำมาหากินจับกุ้งจับปลาขายกันได้ปกติเหมือนเดิมบ้าง เพราะทุกวันนี้หยุดอยู่นิ่งๆ จนไม่มีรายได้อะไรที่จะมาเลี้ยงปากท้อง เลี้ยงครอบครัวกันแล้ว นางดวงสมร กล่าว
ขณะที่ นางพัชนี ดำรงพันธ์ อายุ 64 ปี ชาวบ้านผู้ที่ถูกจระเข้จัดขาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา กล่าวว่า “ตอนนี้ก็ทรมานทรกรรมกับบาดแผลเจ็บกันพออยู่แล้ว ช่วยมาจับจระเข้ออกไปหน่อยเถอะ จะได้ออกไปหากินกันได้บ้างไม่งั้นอดตาย” หากออกไปงมกุ้งแล้วโดนกัดอีกมันก็ไม่คุ้ม เมื่อถูกถามว่าเข็ดหรือยัง นางพัชนี บอกว่า “ยังไม่เข็ด ไม่เข็ดเด็ดขาด” และตอนนี้ได้ซักเสื้อผ้าชุดที่ใช้สวมใส่งมกุ้งเตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้วหลายชุด ไม่งมก็ไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร นางพัชนี กล่าว ขณะที่บาดแผลเริ่มยุบแห้งจนเกือบหมดแล้ว