ผู้รับเหมาวอนรัฐช่วยปรับราคากลางด่วน-อ่วมราคาเหล็กขึ้นบวกพิษโควิด
จากภาวะผันผวนของราคาเหล็กที่เป็นส่วนประกอบหลักของงานก่อสร้างตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบันสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ทำให้ผู้ประกอบการก่อสร้างประสบปัญหาต้นทุนที่ผันผวนสูงขึ้นอย่างผิดปกติ จากสถานการณ์ราคาเหล็กที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง รุนแรงทั่วโลก และยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในระยะยาว อีกทั้งการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ก็ได้ซ้ำเติมปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง และกำลังจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศอย่างหนักหน่วง
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการก่อสร้างในประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกผู้ประกอบการก่อสร้างจำนวนมาก ว่าได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กทุกประเภทมีการปรับตัวสูงขึ้น
จากการตรวจสอบพบว่า ราคาเหล็กมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรงตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการก่อสร้าง ผู้ประกอบการก่อสร้างไม่สามารถต่อสู้และรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข้าซ้ำเติมผู้ประกอบการ ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการโครงการโดยเฉพาะการจัดการด้านแรงงานก่อสร้าง เนื่องจากการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานได้ทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน แรงงานต่างชาติไม่สามารถทำงานได้ อีกทั้งแรงงานไทยมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึงปัญหาค่าแรงที่สูงขึ้น การจัดการแคมป์ เพื่อลดความเสี่ยง ล้วนส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงมากขึ้นตามไปด้วย ผลกระทบเหล่านี้ ทำให้การดำเนินโครงการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน อาจนำไปสู่การทิ้งงาน และการเลิกจ้างงาน ซึ่งปัจจุบัน ภาคการก่อสร้างมีการจ้างงานแรงงานกว่า 3 ล้านคน และเป็นที่เชื่อได้ว่าจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ประชาชน ภาควัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรและการขนส่ง ซึ่งงานก่อสร้างทั้งหมด นับเป็น 8-9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น สมาคมฯ จึงขอให้ภาครัฐพิจารณาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ดังนี้
กลุ่ม มาตรการเร่งด่วน
- พิจารณายกเลิกส่วนต่างค่าปรับราคา (ค่า K) + 4% จากสูตรการคำนวณค่าปรับราคา เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ธันวาคม 2565 กับโครงการที่ยังมีนิติสัมพันธ์อยู่ และโครงการที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในอนาคต ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวได้เคยถูกพิจารณาโดย มติคณะรัฐมนตรีมาแล้ว เมื่อมีความผันผวนอย่างมากของวัสดุก่อสร้างในปี พ.ศ. 2551
- ขอให้พิจารณาใช้ฐานดัชนีราคาในเดือนที่คิดราคากลางในการคำนวณค่า K แทนการใช้ดัชนีราคาในเดือนที่เปิดซองประกวดราคา เพื่อให้สะท้อนฐานดัชนีราคาที่ใช้ในการคิด
- พิจารณาการคิดราคากลางให้สะท้อนกับราคาเหล็กเสริมคอนกรีตที่แท้จริงในท้องตลาด โดยใช้ราคาไม่เกิน 30 วันก่อนประกาศประกวดราคา
- พิจารณาทบทวนและกำหนดราคากลาง ให้กับโครงการก่อสร้างที่จะประมูล ใหม่ ให้มีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
- พิจารณามาตรการเยียวยาผลกระทบจากปัญหาค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น
- พิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินการตามสัญญาให้กับโครงการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ ตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการในช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ของกรมบัญชีกลางโดยไม่ใช้ดุลพินิจ
- พิจารณาเร่งรัดการเบิกเงินชดเชยค่า K ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ยื่นขอเบิกจ่ายเงินชดเชย
สำหรับมาตรการระยะยาว ทางสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสนอให้ภาครัฐพิจารณาเร่งรัดให้มีการปรับสูตรการคำนวณค่า K ให้สะท้อนโครงสร้างต้นทุนที่เป็นธรรมและใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด