เทียบฟอร์มหุ้นรถไฟฟ้า BEM กับ BTS ในมุมมอง"ยูโอบี เคย์เฮียนฯ"
ข่าววันนี้ ทันหุ้น-บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) คงคำแนะนำซื้อหุ้น BEM ให้ราคาเป้าหมายที่ 10.40 บาทต่อหุ้น และเลือกเป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่มขนส่งทางบก คาดจะได้เห็นการเติบโตของกำไรที่เป็นบวกของ BEM ในปี 2565 จากการฟื้นตัวที่ต่อเนื่อง เพราะคาดว่าปริมาณการจราจรบนทางด่วนจะอยู่ใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในไตรมาส 4/63 และยังชื่นชอบหุ้น BEM เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะชนะการประมูลสำหรับรถไฟฟ้า 2 สายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ฝ่ายวิจัยฯ ระบุว่า กระทรวงคมนาคมเผยแผนการลงทุน 40 โครงการ มูลค่า 1.4 ล้านล้านบาทในปี 2565 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย โครงการระบบขนส่งโครงสร้างพื้นฐานทางถนน ทางบก ทางราง ทางทะเล และทางอากศ ในจำนวนนี้มีสัญญามอเตอร์เวย์ 8 ฉบับ และสัญญารถไฟฟ้า 5 ฉบับที่อาจอยูในรูปของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า BEM จะชนะการประมูลที่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ และรถไฟฟ้าสายสีส้มซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2569-2570
ในส่วนของหุ้น BTS แนะนำซื้อเช่นกัน ให้ราคาเป้าหมายที่ 11.00 บาทต่อหุ้น ปัจจัะยหนุนคือการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสาร และการฟื้นตัวของโฆษณานอกบ้านและการเติบโตของยอดขายจาก Fanslink พร้อมกับการรับรู้รายได้จากการก่อสร้างทั้งไตรมาส 4 ของปี 2564/65 เนื่องจากไม่มีการล็อคดาวน์
ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู เริ่มดำเนินการปีหน้า BTS จะได้รับประโยชน์จากการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยมีกำหนดเริ่มดำเนินการบางส่วนในช่วงกลางปี 2565 ซึ่งการมีรถไฟฟ้าสายใหม่จะยังช่วยให้จำนวนผู้โดยสารเดินทางผ่านเส้นทางที่มีอยู่นั้นเพิ่มสูงขึ้น จากความครอบคลุมของระบบไฟฟ้าในกรุงเทพที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ฝ่ายวิจัยฯคาดว่า BTS จะ underperform BEM ในระยะกลาง เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น จากการกู้ยืมเงินที่เพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล และเพื่อบริหารสภาพคล่อง เนื่องจากยังมีลูกหนี้คงค้างสำหรับส่วนต่อขยายสายสีเขียว
นอกจากนี้การออก BTS-W7, W-8 และ W9 อาจส่งผลให้เกิด dilution effect ต่อราคาและ EPS อย่างไรก็ตาม BTS อาจปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าในกรณีที่บริษัทได้รับการขยายเวลาสัมปทาน 30 ปี ซึ่งเป็นประเด็นที่ปัจจุบันรัฐบาลกำลให้ความสำคัญ