อดีตนายกแพทยสภา วอนนายกฯ ฉีดไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อประคองให้ผ่านวิกฤต
จากกรณีของเอกสารสรุปการประชุมเฉพาะกิจร่วม ระหว่างคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และคณะทำงานด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีความเห็นหนึ่ง ระบุว่า ถ้าเอามาฉีดกลุ่ม บุคลากรทางการแพทย์ แสดงว่ายอมรับว่า ซิโนแวค ไม่มีผลในการป้องกันและจะแก้ตัวยากมากขึ้น ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก และเรียกร้องให้ฉีดไฟเซอร์ให้กับแพทย์
ทั้งนี้ ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา อดีตนายกแพทยสภา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เรียน นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.
ตามที่ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1.5 ล้านโดสในเดือนกค.-สค. 64 มานั้น ผมทราบมาว่ามติที่ประชุมของคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 มิย.64 ได้มีผู้เสนอให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ได้วัคซีนซิโนแวคสองเข็มไปแล้วระยะหนึ่งได้รับวัคซีนนี้ แต่ต่อมาที่ประชุมมีมติไม่ให้วัคซีนดังกล่าวแก่บุคลากรทางการแพทย์
ผมมีความเห็นว่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้รับเชื้อรวมทั้งเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญสูงมากในขณะนี้ที่มีภาระหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยทั้งหมด
ถ้าหากกำลังคนที่สำคัญในภาวะวิกฤตินี้ติดเชื้อจะซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะการที่คนใดคนหนึ่งในกลุ่มบุคลากรที่กำลังทำหน้าที่เพื่อชดเชยอัตรากำลังคนที่ขาดแคลน อย่างที่สุดในตอนนี้ติดเชื้อ จะทำให้มีบุคลากรที่เกี่ยวข้องต้องถูกกักตัวเนื่องจากเป็นผู้ความเสี่ยงสูงอีกจำนวนมาก ดังที่ได้มีการประกาศปิดห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องคลอด หรือทั้งโรงพยาบาลมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ผู้ป่วยและประชาชน มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกทั้งจากโควิดและภาวะฉุกเฉินอื่นๆ
ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อในบุคลกรกลุ่มนี้ จึงมีความสำคัญสูงสุด และจำเป็นเร่งด่วนเพื่อประคองให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ฉีดวัคซีนดังกล่าว แก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยด้วยครับ
ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์
กรรมการแพทยสภา
อดีตนายกแพทยสภา”