ผู้ว่าแบงก์ชาติ ห่วงภาวะสงครามกระทบท่องเที่ยวไทย ลามศก.ไทยฟื้นตัวสะดุด
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘กาแฟดำ’ ทางช่อง PPTV HD 36 ว่า วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่สร้างความผันผวนกับตลาดการเงินในประเทศไทยมากนัก เพราะส่วนใหญ่ภาคเอกชนยังพึ่งระบบการเงินผ่านสถาบันการเงินเป็นสำคัญ แต่ที่น่าเป็นห่วงในระยะต่อไปคือการค้าโลก โดยรัสเซีย-ยูเครนเป็นแหล่งผลิตสินค้าสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั้งโลก เช่น น้ำมัน พาลาเดียม ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และผลระยะยาวมองออกอย่างลำบาก ซึ่งอาจจะมีการแบ่งข้างกันใหม่ ทั้งนี้ การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกกับรัสเซีย ที่ส่งผลกระทบหนักที่สุดคือการอายัติทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซีย โดยรัสเซียมีทุนสำรองระหว่างประเทศค่อนข้างสูง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการจำกัดความสามารถในการดูแลค่าเงิน ทำให้เงินรูเบิลอ่อนค่าอย่างมาก
ตลาดแรงงานประเทศไทยพื้นตัวช้า จากการท่องเที่ยวที่ยังกลับมาไม่เต็มที่ ทำให้ไม่เห็นภาวะเงินเฟ้อแบบสหรัฐอเมริกา โดยมาตรการภาครัฐที่ออกมาเป็นการประคองสถานการณ์ เพราะขนาดของรายได้ที่หายไปค่อนข้างใหญ่ ต้องให้มีการจ้างงานและรายได้กลับมา ถ้าไม่กลับมาก็ยากที่จะเห็นเศรษฐกิจในภาวะปกติ โดยปัจจัยหลักคือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 6 ล้านคน แต่ตอนนี้ไม่มีความแน่นอน เพราะบรรยากาศตอนนี้ก็ไม่ได้เอื้อให้คนอยากมาท่องเที่ยว ถ้าภาคการท่องเที่ยวไม่ฟื้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจไปต่อไม่ได้ ทั้งนี้แม้ว่าไทยมีตัวเลขมูลค่าการส่งออกที่มาก ส่งผลให้ตัวเลขจีดีพีปรับตัวสูงขึ้น แต่ผลต่อการจ้างงานสู้ภาคการท่องเที่ยวไม่ได้ รายได้คนไม่ฟื้นตาม ก็เท่ากับว่าจีดีพีไม่ฟื้นจริง
“มาตรการทางการคลังได้ช่วยพยุงเศรษฐกิจไว้ค่อนข้างมาก อีกทั้งทางฝั่ง ธปท. ก็มีมาตรการที่ไม่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสะดุด โดยให้ธนาคารพาณิชย์ยังทำงานได้อยู่ แต่ยังมีบางจุดที่การปล่อยสินเชื่อไปไม่ถึง เลยมีการออกมาตรการซอฟต์โลน ไปจนถึงมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู โดยมียอดปล่อยสินเชื่อรวมไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท คิดเป็น 10% ของมูลค่าสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีในระบบ รวมไปถึงมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน เพื่อให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจไม่สะดุด” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว