หุ้นไทยวันนี้ (22 ก.ค.) ลุ้นข่าว 2 เรื่อง

บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 Jul 25) คาดดัชนีฯ ผันผวน ดัชนีฯขึ้นมามาก และรอข่าวสำคัญของตลาด 2 เรื่อง
• ตลาดหุ้นไทย น่าจะเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรเข้ามา ตลาดหันมารอดูผลเจรจาการค้าและ ผู้ว่า ธปท.คนใหม่ ที่จะทราบชื่อวันนี้(22) ซึ่งจะมีผลต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่ของตลาด .... หากดัชนีฯ ยืนเหนือ 1200 จุดได้ 3 วัน จะเป็นสัญญาณที่ดีของตลาด
• ดีลการค้าสหรัฐฯ เป็นประเด็นต้องติดตามต่อเนื่อง โดนัลด์ ทรัมป์ ทยอยประกาศ Tariff Rate กลับกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักไปบ้างแล้ว โดยในกลุ่ม ASEAN จะถูกเก็บอยู่ในช่วงประมาณ 20% ซึ่งคาดว่าผลการเจรจาของไทยจะออกมาในช่วง Rate เดียวกัน นอกจากนี้โดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศเตรียมใช้ industry-specific tariffs ร่วมกับภาษีรายประเทศ ซึ่งคาดว่าจะบังคับใช้พร้อมกัน 1 ส.ค.นี้ ตลาดยังกังวลเรื่องภาษีการค้าเป็นประเด็นสำคัญอยู่
• การรายงานผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ หุ้นใหญ่ประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ GOOG(23 ก.ค.), TSLA(23 ก.ค.) ซึ่งคาดหุ้นส่วนใหญ่ผลประกอบการจะออกมาดี (ยกเว้นหุ้นกลุ่มน้ำมัน) โดยกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะขยายตัวราว 5% .... เราคาดว่า บริษัทส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า ทั้งนี้ตลาดมุ่งให้ความสนใจที่ข้อตกลงการระหว่างสหรัฐฯ-สหภาพยุโรป (EU)
• การประชุมครม. วันนี้ มีกำหนดหารือเคาะรายชื่อแต่งตั้งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ หลังจากถูกเลื่อนเมื่อการประชุมสัปดาห์ก่อน แคนดิเดต 2 ท่าน ได้แก่ ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส และนายวิทัย รัตนากร เป็นหนึ่งในการแต่งตั้งครั้งสำคัญ ที่จะส่งผลต่อนโยบายดอกเบี้ยของไทย ซึ่งหลังรับตำแหน่งจะเหลือการประชุมกนง. 2 ครั้ง (8 ต.ค., 17 ธ.ค.) นักลงทุนเก็งลดดอกเบี้ยนโยบาย…… หากวันนี้ นายวิทัย ไม่ได้เป็นผุ้ที่รับตำแหน่งนี้ อาจมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูง
• การเมืองไทย ยังอยู่ในโหมดสูญญากาศทางการเมือง ไปจนถึงปลายเดือน มีคำร้องหรือคดี ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมกับนายกฯ อยู่ถึง 3 เรื่อง (คลิปเสียง+ม.112+ชั้น14) ผลของคำตัดสิน ย่อมมีผลต่อตลาดหุ้น ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะตัดสินคำร้องคลิปเสียงของนายกฯ ก่อนคดีอื่นๆ (อาจจบไม่เกินกลางเดือน ส.ค.) หากมีเหตุให้นายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง จะเป็นความเสี่ยงของตลาด
• DAOL ประเมินกำไรตลาด 2Q/25 ไว้อยู่ในช่วง 2.1-2.3 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่า 1Q/25 ที่ 2.82 แสนล้านบาท .... กำไรกลุ่มธนาคาร ส่งงบครบแล้วที่ 6.5 หมื่นล้านบาท +4% yoy ; -3 qoq ดีกว่าที่ตลาดคาด และคาดว่าจะมีการทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลตามมา
• โครงการไฟฟ้าพลังน้ำของจีน: จีนได้เริ่มโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่บนแม่น้ำยาร์ลุงซางโป (Yarlung Tsangpo) ในทิเบต มูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านหยวน ซึ่งส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและโลหะในตลาดจีน อย่างไรก็ตาม โครงการนี้สร้างความกังวลให้กับอินเดียและบังคลาเทศซึ่งเป็นประเทศปลายน้ำ
• Event วันนี้ : คำกล่าวของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed, การประชุม ครม.
#Strategy
• ดัชนี SET จำเป็นต้องยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,200 จุดให้ได้อย่างมั่นคง (ยืนเหนือได้ติดต่อกัน 3 วันทำการ) เพื่อสร้างสัญญาณเชิงบวกและโอกาสในการปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 1,220 จุด ปัจจัยชี้ขาดในระยะสั้นยังคงเป็นผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางการลงทุน
• กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ยังคงเน้นการเลือกลงทุนในหุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นไม่มาก (Laggard) หรือหุ้นที่ราคาปรับฐานลงมาลึก แต่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และอาจมีการขายทำกำไรในหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาสูงเพื่อสับเปลี่ยนกลุ่มลงทุน
• สถานการณ์แนวชายแดนกัมพูชา ยังมีความเสี่ยงให้เห็น อาจต้องระวังการลงทุนหุ้นที่อิงรายได้จากประเทศนี้
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ นำ OR, STA* ออก และนำ TTB เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย TTB(10%), GLOBAL(20%), WHA*(20%), CPALL(20%), SCB(10%)
#Technical : SAWAD, OKJ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
