รีเซต

ส่องปัจจัยฉุด ราคาบิทคอยน์ ขึ้นจากเหว-ทำไมคนยังสนใจลงทุนคริปโทฯแม้ยังเป็นขาลง?

ส่องปัจจัยฉุด ราคาบิทคอยน์ ขึ้นจากเหว-ทำไมคนยังสนใจลงทุนคริปโทฯแม้ยังเป็นขาลง?
TNN ช่อง16
20 พฤษภาคม 2565 ( 15:10 )
307

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนจะอยู่ในขาลงมานานแล้ว แม้ว่าจะมีความผันผวนสูงเป็นปกติ แต่ก็ดูเหมือนจะท้าทายให้บรรดานักลงทุนหน้าใหม่ๆเข้ามาในตลาดนี้เรื่อยๆ 


บทวิเคราะห์ บนเว็บไซต์ th.investing.com ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 และพุ่งสูงขึ้นในปี 2021 ส่งเสริมให้สกุลเงินดิจิตอลสามารถทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021  หลายคนมองว่าสินทรัพย์ประเภทนี้ถือเป็นหนึ่งในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ โดยการขยายปริมาณเงินในระบบ ทำให้อุปทานของสกุลเงินดิจิทัล ที่มีอยู่อย่างจำกัดกลายเป็นทางเลือก ที่สามารถผลิตเงินออกมามากเท่าไหร่ก็ได้  ในวันที่ปริมาณเงินในระบบมีอยู่จนล้นตลาดก็ไม่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น  แต่หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% พร้อมประกาศแผนดึงสภาพคล่องคืน แม้ว่าเฟดจะพูดถึงการเติบโตของอัตราเงินเฟ้ออย่างชัดเจน ทำให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลกลับยังวิ่งอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุด มากกว่าที่จะวิ่งเข้าหาจุดสูงสุด


ตลาดคริปโทฯยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัว

มาในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2022 เฟดกำลังจัดการกับเงินเฟ้ออย่างจริงจัง แต่ก็ดันมีสงครามระหว่างรัสเซียยูเครนเพิ่มขึ้น ผลักดันเงินเฟ้อให้ยิ่งเติบโตได้รวดเร็วมากกว่าเดิม  และแม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะเริ่มปรับตัวลดลงหลังจากทำขาขึ้นมาตลอดหลายปี แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ใกล้จุดสูงสุดมากกว่าจุดต่ำสุด ความนิยมในสกุลเงินบิทคอยน์ อีเทอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อีกมากมายกำลังบอกเราว่านโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเงินเฟ้อ เมื่อพวกเขาเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความสำคัญของดอลลาร์สหรัฐก็กลับมา 

ทำให้จนถึงตอนนี้ ตลาดสกุลเงินดิจิทัลก็ยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวคานเงินเฟ้ออย่างที่หลายคนคาดหวัง ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดกำลังตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ด้วยการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาได้ง่ายๆ 

จะเห็นได้ชัดๆก็เหรียญ “LUNA” ของแพลตฟอร์ม Terra   ที่ไม่ไม่นานมานี้ เราได้เห็นการดิ่งเหวแทบไม่เหลือมูลค่า  ขณะที่เหรียญอื่นๆราคาก็นิ่งสนิทแบบจมดินไปหลายเหรียญ สะท้อนความเสี่ยงจากความผันผวนหนักของคริปโทเคอร์เรนซีอย่างมาก

ภาพประกอบจาก : AFP


นักลงทุนไทยกระโดดเข้าหาคริปโทฯ 

ข้อมูลผลสำรวจความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลของประชาชนชาวไทย จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า  จำนวนบัญชีของผู้ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 เติบโตมากกว่า 10 เท่าจากปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 1.7 แสนบัญชี เป็น 2.5 ล้านบัญชี


นายพงศธร ปริญญาวุฒิชัย ฝ่ายวิจัย ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ในผลสำรวจความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลของประชาชนชาวไทย พบว่า 46% นั้นต้องการเข้ามาเพื่อเก็งกำไร  และจากผลสำรวจยังพบประเด็นที่น่าสนใจในด้าน เป้าหมายในการลงทุน พบว่าคนไทย ร้อยละ 46 มองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงจึงเลือกเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่ร้อยละ 33 มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว ขณะที่อีกร้อยละ 11 เห็นว่าเป็นแหล่งออมเงิน และร้อยละ 10 มองว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำเงินได้ง่ายกว่างานประจำที่ทำอยู่


นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งพบว่า ระดับความสนใจในการค้นหาคำว่าคริปโทฯนั้นเพิ่มขึ้นสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาของ "บิทคอยน์" หรือ "BTC" ขึ้นไปแตะที่หลัก 1 ล้านบาทและเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาของ BTC ขึ้นไปถึง 2 ล้านบาท เห็นได้ว่ามีความสอดคล้องกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการค้นหาข้อมูลคำว่า "บิทคอยน์" หรือ "BTC"

        

กระแส บิทคอยน์ มีส่วนให้คนไทยเข้ามาลงทุนในคริปโทฯ

ปัจจัยที่ทำให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ก.ล.ต.ให้เหตุผลว่า ส่วนหนึ่งมาจากการได้ความยอมรับในวงกว้าง (mass adaptation) ของ BTC รวมไปถึงแนวโน้มของราคา BTC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก  โดยกลุ่มผู้ลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

-กลุ่มมือใหม่ เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ติดตามกราฟของราคารายวัน พยายามหาจังหวะเพื่อเข้าซื้อหรือขายอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังมีการควบคุมพอร์ตของตัวเองเพื่อกระจายความเสี่ยงอยู่เสมอ

-กลุ่มสายซิ่ง เป็นกลุ่มที่ไม่อยากศึกษาหาความรู้ เลือกที่จะลงทุนตามคำแนะนำจากคนรอบข้าง หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยมีลักษณะการลงทุนแบบกล้าได้กล้าเสีย ไม่ค่อยประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และมีความคิดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นสามารถทำกำไรได้ง่าย

-กลุ่มย้ายพอร์ต เป็นกลุ่มที่เคยลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนและเข้าใจถึงความผันผวนและความเสี่ยง   ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มองว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น และเริ่มมีการเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น โดยไปลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น


แต่สิ่งที่พบจากทั้ง 3 กลุ่มนี้  คือ ขาดการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงอย่างเดียว หรือมีสัดส่วนการลงทุนที่มากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ซึ่งสิ่งที่ ก.ล.ต. เตือนนักลงทุนเสมอคือผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารพอร์ตอย่างเหมาะสม มีการกระจายความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลให้มากๆเข้าไว้ 


ภาพประกอบจาก : AFP


การลงทุนด้วยความระมัดระวัง ยังเป็นคีย์หลักของทุกตลาด

"วอร์เรน บัฟเฟตต์" เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลไม่น้อยต่อวงการลงทุน  เขาไม่เชื่อมั่นในเงินดิจิทัล หรือ Bitcoin และ สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆว่าจะ เป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิผล 

แต่นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรคริปโทฯ ที่พร้อมจะเสี่ยง แน่นอนว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผันผวนได้  โดยต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง  รวมทั้งอาศัยชั่วโมงบินพอๆกับลงทุนในหุ้น หากหวังผลตอบแทนเป็นกำไร


จับตาปัจจัยที่อาจทำให้ตลาดคริปโทฯฟื้นได้ 

ในช่วงที่กระแส บิทคอยน์และคริปโทฯ บูมมากๆ นั้น จะสังเกตได้ว่า จะเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นในวงการ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายปี 2017 การเปิดตัวบิทคอยน์ฟิวเจอร์สบนตลาด CME ได้ทำให้บิทคอยน์ทะยานขึ้นแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก จากนั้นการถือกำเนิดของกระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เช่น Coinbase (NASDAQ:COIN) และการถูกลิสต์ขึ้นบนดัชนี NASDAQ ในเดือนเมษายน 2021 ได้ทำให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นอีก  ดังนั้นการจับตาดู เหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของโลกคริปโทฯ มักมีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น  หรือแม้แต่การยอมรับจากนักลงทุนรายย่อย รายใหญ่ และซัพพลายเออร์มากขึ้น เช่น  Elon Musk, Jack Dorsey และเจ้าพ่อเทคโนโลยี  ก็มีอิทธิพลต่อตลาดเช่นกัน รวมถึง การแทรกแซงจากรัฐบาล   และ การแฮ็ก (Hacking)  ด้วยมูลค่า บิทคอยน์ ที่พุ่งขึ้นมามหาศาล หากแฮกเกอร์สามารถขโมยบิทคอยน์จำนวนมากได้สำเร็จ และอาจจะนำมาสู่การล่มสลายของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลได้ ก็เป็นสิ่งที่มีผลต่อราคาและตลาดเงินดิจิทัลด้วย 



เชื่อว่านักลงทุนต่างคาดหวังให้ตลาดจะกลับมาพุ่งทะยานได้อีกครั้ง แม้ว่าการปรับฐานของตลาดสกุลเงินดิจิทัลในตอนนี้ยังถือว่าอยู่ห่างจากจุดสูงสุดในปี 2021 เป็นอย่างมาก  การจับตาดูการขึ้นลงของราคาคริปโทฯ ทุกวันนี้ก็ยังจะเห็นได้ว่า ผันผวนต่อเนื่อง ขณะเดียวกันราคายังหลุด 30,000 ดอลลาร์อยู่บ่อยครั้ง แต่บรรดาแมงเม่าก็คงทำได้เพียงจับตาดูสถานการณ์กันต่อ ว่าจะมีอะไรที่พอจะมาช่วยฉุดให้ราคาคริปโทฯหลุดจากปล่องเหวในตอนนี้ได้....


ภาพประกอบจาก : AFP



อ้างอิงข้อมูลจาก : th.investing.com , ก.ล.ต.

ภาพจาก : AFP 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง