TOG รับผลบวกบาทอ่อน เร่งขยายอาณาจักรสหรัฐ
TOG รับทรัพย์เงินบาทอ่อนหนุนส่งออกได้มากขึ้น แลกดอลลาร์เป็นเบาทได้เพิ่มขึ้น ชี้สัดส่วนการส่งออกปัจจุบันกว่า 96%ยิ้มจีนล็อกดาวน์เอื้อออเดอร์ลูกค้ายุโรปไหลเข้าล้นมือ ภาพรวมกำลังซื้อยุโรป-สหรัฐ กลับมาเต็ม 100% เหมือนก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด เร่งเครื่องขยายตลาดอเมริกาตอนเหนือ-ใต้ คาดดันยอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 8%
นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เปิดเผยว่า จากปัจจัยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ตามแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งผลให้ค่าของเงินบาทอ่อนตัวลงทะลุระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ไปแล้วในปัจจุบันนั้น มองว่าเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เนื่องจากสัดส่วนรายได้มากกว่า 95-96% มาจากการส่งออก
รับทรัพย์บาทอ่อน
การอ่อนค่าลงของเงินบาทนั้นยังทำให้บริษัทมีความได้เปรียบทางการค้า ทั้งในแง่ของการต่อรอง ปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์มาเป็นเงินบาทได้เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 จะมีการเติบโตที่ดีกว่าทั้งเมื่อกับช่วงเดียวกันกปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าในโซนยุโรป มาแล้ว 2 งาน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายให้การตอบรับดีมาก ผู้ประกอบการท้องถิ่นหลายรายให้ความสนใจส่งคำสั่งซื้อมาให้กับบริษัท ประกอบกับการล็อกดาวน์ประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมาทำให้ซัพพลายลดลง ดังนั้นลูกค้าจึงหันมากระจายความเสี่ยง ทำการสั่งซื้อด้วยการหาผู้ประกอบการเจ้าอื่นทดแทน ซึ่งด้วยชื่อเสี่ยงและความเชี่ยวชาญทำให้บริษัทมีโอกาสอย่างมากที่จะได้ส่วนแบ่งทางตลาดเข้ามาเพิ่ม
นอกจากนี้ สถานการณ์กำลังซื้อในตลาดหลักอย่างยุโรปและสหรัฐ ปัจจุบันกลับมาเติบโตได้เต็ม 100% เหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว แต่ก็ยังมีความกังวลต่อเรื่องของเงินเฟ้อ รวมถึงเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้ออาจฟื้นตัวได้ไม่เร็วอย่างที่คาดนัก และอาจมีผลทำให้กลุ่มคู่ค้าในต่างประเทศเปลี่ยนคำสั่งซื้อจากเลนส์สายตาเฉพาะบุคคล (Rx) ที่ให้มาร์จิ้นสูงมาเป็นเลนส์ทั่วไปแทน
รุกขยายตลาด
ส่วนสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกายังดูไม่น่ากังวลนักในปัจจุบัน เพราะประชาชนมีการปรับตัวดี และไม่ค่อยกังวลต่อการระบาด มีการทำกิจกรรมการค้ากันได้ตามปกติ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทีมขายเข้ามาเพิ่ม ทำให้มองว่าจากนี้จะสามารถรุกขยายตลาดไปยังทางอเมริกาตอนเหนือ และตอนใต้ได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทย่อย TOG USA ยังมีแนวโน้มได้รับคำสั่งซื้อจากทั้งลูกค้ารายใหม่ และรายเดิมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตไม่น้อยกว่า 8%
ขณะที่ตลาดตะวันออกกลาง จีน และเอเชีย โดยรวมยอดขายทั้งในส่วนของเลนส์สายตาเฉพาะบุคคลและเลนส์ทั่วไปยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดอินเดียคำสั่งซื้อในส่วนของเลนส์สายตาเฉพาะบุคคลอาจล่าช้ามากกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากติดเรื่องของกำลังซื้อในตลาดดังกล่าวที่ยังฟื้นตัวไม่ดีนัก สำหรับตลาดญี่ปุ่นนั้น เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ แต่ก็มีผู้เล่นหลักอยู่ หากจะเข้าไปมีส่วนแบ่งคงต้องทำการบ้านเพิ่มมากขึ้น
กรณีการรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น มองว่ายังคงกินเวลาและยื้ดเยื้อมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมีสัดส่วนรายได้จากการขายประมาณ 3-4%ของรายได้รวม ทำให้บริษัทต้องมีการกระจายความเสี่ยงในการขยายตลาดออกไปยังประเทศอื่นๆ ทดแทน โดยจะมุ่งเน้นไปที่การขยายตลาดในประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง แอฟริกา และจีน เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูง
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุว่า TOG ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโต 12-15% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน (ทางฝ่ายคาด โต 12%YoY) แม้มีปัจจัยสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ปัจจุบันยอดขายโดยรวมในช่วงไตรมาส 1/2565 โดยเฉพาะยุโรป ยังเป็นไปตามเป้าหมายบริษัท ซึ่งยอดขายในรัสเซียและยูเครนมีสัดส่วนรวมต่ำกว่า 1%
ดีมานด์อยู่ในระดับสูง
คงประมาณการปี 2565 โดยประมาณการกำไรปกติปีนี้ไว้ที่ 309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY โดยมองว่าผลการดำเนินงานในช่วงเวลาที่เหลือของปียังอยู่ในทิศทางที่ดี หนุนโดยความต้องการเลนส์แว่นตาที่อยู่ในระดับสูงตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมไปถึงแนวโน้มตลาดสหรัฐที่ขยายตัวต่อเนื่อง