รีเซต

เลื่อนเปิดเทอมผลร้ายสกัดเด็กยากจน ขาดสารอาหาร

เลื่อนเปิดเทอมผลร้ายสกัดเด็กยากจน ขาดสารอาหาร
TNN ช่อง16
26 พฤษภาคม 2563 ( 10:01 )
160

 

วันนี้ ( 26 .. 63 )รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงลัดดา เหมาะสุวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การเลื่อนเปิดเทอมนานขึ้นส่งผลให้เด็กยากจนด้อยโอกาสได้รับผลกระทบด้านโภชนาการ 

 

 

เนื่องจากสำหรับเด็กยากจนด้อยโอกาสนั้น อาหารที่โรงเรียนคือมื้ออาหารที่ดีที่สุดของเขา มีคุณค่าโภชนาการครบถ้วน เด็กบางคนก็ฝากท้องมื้อเช้า บางคนก็ฝากท้องมื้อเย็นร่วมด้วย บางคนที่ครอบครัวขาดแคลนจริงๆ พอไม่ได้ไปโรงเรียนนาน ก็จะไม่ได้สารอาหารที่ครบถ้วน 

 

โดยเฉพาะกลุ่มเด็กด้อยโอกาสวันแรกของการเปิดเทอม น้ำหนักจะน้อย ส่วนสูงก็ไม่ดี พอปลายเทอมก็จะน้ำหนักดีขึ้น ปัญหาเด็กเตี้ยเด็กผอมก็จะน้อยลง เพราะเมื่อเขามาโรงเรียน เขาก็จะได้มื้ออาหารที่ดี มีคุณค่าสารอาหารที่ครบถ้วน

 


จากข้อมูลที่เรามีการสำรวจหลายครั้ง เด็กกลุ่มนี้เปราะบางอยู่แล้วในด้านของโภชนาการ ส่วนหนึ่งอยู่ในความเสี่ยง ขณะที่อีกหลายส่วนมีภาวะโภชนาการที่ต่ำกว่าเกณฑ์ เช่น น้ำหนักน้อย มีภาวะเตี้ยมากกว่าเด็กทั่วไป บางคนก็คือขาด พอยิ่งได้อาหารในปริมาณที่ไม่มากพอกับความต้องการของร่างกาย ก็ทำให้ภาวะทุพโภชนาการที่เป็นอยู่ยิ่งเป็นมากขึ้น คนที่ขาดก็จะขาดมากขึ้น คนที่เสี่ยงอยู่ก็จะขาดอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งมีผลกระทบกับการเจริญเติบโต 

 

รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงลัดดา กล่าวว่า โดยทั่วไปเด็กวัยเรียนแบบนี้ปีหนึ่งจะโตประมาณ 2-3 กิโลกรัม สูงขึ้น 4-5 เซนติเมตร พอได้อาหารไม่พอ หรือไม่ได้คุณค่าอาหารที่ครบถ้วน ร่างกายก็จำเป็นต้องใช้สารอาหารได้แค่สำหรับการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่การเติบโตจะชะงักงันไป ก็จะไม่สูงขึ้นหรือน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นตามที่ควรจะเป็น ช่วงนี้เด็กบางคนกินได้แต่ข้าว ไม่ได้พวกเนื้อสัตว์ ไข่ ก็จะทำให้เสี่ยง มีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะกระทบกับการทำงานของสมองและการเรียนรู้ต่อไป 

 

ทุกคนก็คงเคยมีประสบการณ์เวลาที่เรากินไม่อิ่ม เราหิว มันก็ทำให้ไม่มีความสุขอยู่แล้ว แล้วเด็กกลุ่มนี้ยิ่งมาเห็นคุณพ่อคุณแม่บางทีอาจจะไม่มีกิน หรืออาหารในครอบครัวไม่เพียงพอ เขาก็จะยิ่งเครียด ซึมเศร้า ถ้าเรามองในแง่ดีว่าผ่านไปกว่า 3 เดือนแล้วทุกอย่างเป็นปกติเลย มันก็อาจจะยังพอ ถ้าเด็กที่ไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนสารอาหารมาก ในร่างกายเขายังมีทุนสำรอง เขาก็จะฟื้นกลับมาได้เร็ว แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ขาดสารอาหารไปเยอะแล้ว ก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู กลับเป็นปกติ แต่จากที่รู้กันมาโรค COVID-19 นี้น่าจะอยู่กับเราไปอีกเป็นปี ดังนั้นเรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยทิ้งนานได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของอาหารกายอย่างเดียว แต่รวมถึงอาหารจิตใจด้วย ทิ้งไปไม่ได้รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงลัดดา กล่าว

 

รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงลัดดา กล่าวว่า ต่อไปนี้ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งอีกแล้ว ไม่ใช่พอเป็นเรื่องเรียนให้คุณครูทำไป เรื่องสุขภาพก็ไม่ใช่แค่คุณหมอ คุณพยาบาลต้องดูแลอย่างเดียว จะยกให้ใครไม่ได้ ต้องช่วยกันตอนนี้ ในระยะยาว หากเด็กๆ กลุ่มนี้จะพึ่งถุงยังชีพอย่างเดียวอาจไม่พอ สิ่งที่ห่วงที่สุดคือกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงข้อมูลดิจิทัล ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องช่วยกันสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจกันอย่างทั่วถึง ใช้วิธีที่เหมาะสมกับบริบท สภาพแวดล้อมของพื้นที่นั้นๆ ต่อไป

 


อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ที่ปรึกษาโครงการสู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้องกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปถึงทุกภาคส่วนรวมถึงระบบการศึกษา เช่น สถานการณ์ล่าสุด เด็กนักเรียนยากจนพิเศษกว่า 753,997 คน กำลังขาดแคลนอาหารจากการปิดเทอมที่ยาวนานเท่าที่เคยมีมา โดยเลื่อนไปถึง 46 วัน ซึ่งเด็กวัยเรียนเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต ทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา สมอง ดังนั้นเราต้องให้อาหารเด็กได้รับสารอาหารที่ครบ 5 หมู่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรท ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ หากขาดตัวใดตัวหนึ่งหรือกินไม่พอ ก็อาจมีอาการสมองฝ่อ ร่างกายเตี้ย ผอมแคระแกร็น มีผลการเรียนและการพัฒนาสติปัญญาร่างกายด้อยกว่าเด็กปกติ 

 

เหตุผลนี้ ทาง กสศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมมือบรรเทาความเดือดร้อนของเด็กยากจนพิเศษ ด้วยการโอนเงินไปให้โรงเรียนซื้อข้าวสาร อาหารแห้งที่เป็นประโยชน์เป็นถุงยังชีพแจกเด็ก และภายในถุงยังชีพมูลค่า 600 บาท สำหรับเป็นค่าอาหารเบื้องต้น 30 วัน จะประกอบไปด้วย ข้าวสาร 20 กก. ไข่ไก่ 36 ฟอง ปลากระป๋อง 10 กระป๋อง นม น้ำมันพืช ที่อย่างน้อยจะช่วยลดความหิวโหย ลดการขาดสารอาหารในช่วงนี้อาจารย์สง่า กล่าว 

 

 

อาจารย์สง่า กล่าวว่า กสศ. ยังได้ริเริ่มโครงการรณรงค์สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้องพร้อมเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมสมทบเติมเต็มมื้ออาหารอีก 15 วันที่ยังขาดแคลนให้กับเด็กๆ กลุ่มนี้ เพื่อก้าวผ่านวิกฤตและมีโอกาสกลับมาเรียนอีกครั้งเมื่อเปิดเทอมใหม่มาถึง ทุกคนสามารถร่วมบริจาคช่วยเหลือน้องๆ ไปกับโครงการนี้ผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 172-0-30021-6 ชื่อบัญชีกสศ.-มาตรา 6(6) - เงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า www.eef.or.th/donate-covid/ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-079-5475

 

 

เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com  

facebook : TNNThailand 

twitter : @TNNThailand 

Line : @TNNThailand 

Youtube Official : TNNThailand

 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง