เช็กเสียงในสภาฯ “อนุทิน” ได้แรงหนุน 146 ส.ส. จ่อเป็นนายกฯ คนที่ 32

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงความพร้อมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 หลังได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 146 คน โดยการรวมเสียงครั้งนี้เกิดขึ้นจากมติพรรคประชาชน ภายใต้การนำของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่ตกลงหนุน “อนุทิน” แต่มีเงื่อนไข 5 ข้อที่ต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด

รายชื่อ 146 ส.ส. ที่ร่วมสนับสนุน

เสียงสนับสนุนของนายอนุทินมาจากหลายพรรคการเมือง ได้แก่

• พรรคภูมิใจไทย 68 คน
• พรรคกล้าธรรม 31 คน
• พรรคพลังประชารัฐ 17 คน
• พรรครวมไทยสร้างชาติ 16 คน
• พรรคเพื่อไทย 8 คน
• พรรคไทยสร้างไทย 3 คน
• พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน

กรณีของพรรคประชาธิปัตย์ มีการเพิ่มชื่อใหม่คือ นายราชิต สุดพุ่ม ส.ส.นครศรีธรรมราช ทำให้รวมทั้งหมดเป็น 3 คน

การแตกตัวจากพรรคเพื่อไทย

ความเคลื่อนไหวสำคัญคือ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นำกลุ่มเพื่อนส.ส.รวม 8 คน มาสนับสนุนอนุทิน หลังถูกตัดออกจากกลุ่มไลน์พรรคเพื่อไทย พร้อมกับมี ส.ส.รายอื่นทยอยตามออกมาหลายคน เช่น ประเสริฐ บุญเรือง, พล.ต.ต.สุรพล บุญมา, นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ และนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร

เงื่อนไข 5 ข้อของพรรคประชาชน

การสนับสนุนครั้งนี้มีเงื่อนไขสำคัญจากพรรคประชาชน ได้แก่

• ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง
• หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าต้องมีประชามติ รัฐบาลต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ
• หากไม่ต้องทำประชามติ ต้องผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที
• พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก
• พรรคประชาชนยืนยันทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่ร่วมรัฐบาลและไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี

ลงนามและยื่นรายชื่อ

เวลา 11.22 น. นายอนุทินได้ลงนามรับข้อตกลง 5 ข้อ โดยมี ส.ส.ทั้ง 146 คนร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมขอบคุณพรรคประชาชนที่เปิดทาง และยืนยันว่าจะปฏิบัติตามทุกข้ออย่างเคร่งครัด

จากนั้น นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้นำรายชื่อ 146 คน ยื่นต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุวาระเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ความหมายทางการเมือง

รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใต้การนำของนายอนุทิน จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีอายุสั้น โดยมีกรอบเวลา 4 เดือนในการจัดทำประชามติหรือผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่ ก่อนยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ถือเป็นการรวมเสียงแบบข้ามพรรค เพื่อหาทางออกทางการเมืองในช่วงวิกฤติ