รีเซต

ครูสาวแจ้งความผอ.รร. นำเรื่องขอย้ายไปพูดในที่ประชุม หวั่นไม่ปลอดภัย ถูกชายแปลกหน้าตามหา

ครูสาวแจ้งความผอ.รร. นำเรื่องขอย้ายไปพูดในที่ประชุม หวั่นไม่ปลอดภัย ถูกชายแปลกหน้าตามหา
มติชน
11 กรกฎาคม 2565 ( 22:18 )
166
ครูสาวแจ้งความผอ.รร. นำเรื่องขอย้ายไปพูดในที่ประชุม หวั่นไม่ปลอดภัย ถูกชายแปลกหน้าตามหา

วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวพรพรรณ ทองพลอย อายุ 31 ปี ครูโรงเรียนบ้านโหล๊ะหาร หมู่ 7 ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางสุนิสา เจี้ยงเต็ม ผอ.รร.บ้านโหล๊ะหาร อ้างนำเรื่องส่วนตัวของเธอไปพูดในที่ประชุมครู ในโรงเรียน จนเธอเกิดความเครียด และมีความกดดันในการปฏิบัติหน้าที่ จนมีภาวะอาการวูบล้มหน้าฟาดพื้น ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.

 

นางสาวพรพรรณ ทองพลอย เผยว่า เธอสอนอยู่ที่ รร. บ้านโหล๊ะหาร มาเป็นระยะเวลาประมาณ 5 ปี ก่อนหน้านี้สอนเด็ก นักเรียนระดับอนุบาล ล่าสุด ปรับมาสอนวิชาสุขศึกษา และเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 เธอได้ทำเรื่องขอย้ายไปช่วยราชการเป็นกรณีพิเศษเพื่อได้ทำงานไม่ไกลจากบ้านจนเกินไป เนื่องจากอาการป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทต้องเข้ารับการกายภาพบำบัด เนื่องจากขับรถเป็นระยะทางไกล 100 กม.กว่าทุกวัน โดยมีอาการหลังเกิดอุบติเหตุรถชน และสุขภาพร่างกายโดยรวมไม่เอื้ออำนวยต่อการขับรถระยะทางไกลเสี่ยงต่อการเกิดอุบติเหตุ ทั้งยังมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

 

แต่ต่อมา ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ทาง ผอ.รร กลับนำเรื่องราวอาการป่วยของตนเอง ไปพูดในที่ประชุมข้าราชการครู และบุคคลากรทางการศึกษาของโรงเรียน โดยที่ไม่มีการบอกกล่าวและขออนุญาตจากตนเองก่อน ทั้งตามระเบียบในการทำเรื่องขอย้าย ของข้าราชการครู เมื่อครูเรื่องขอย้ายไม่ว่าจะกรณีใด ทาง ผอ.รร จะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ก่อนจะทำเรื่องส่งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และส่งคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดพัทลุง เพื่อพิจารณา ตามขั้นตอน ไม่ใช่นำเรื่องราวของตนไปพูดในที่ประชุมข้าราชการครูภายในโรงเรียน

 

จากการที่ทาง ผอ.รร นำเรื่องราวอาการป่วยของตนไปพูดเปิดเผยให้กับครูใน รร ได้รับรู้ ทำให้ตนรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้น เกิดอาการเครียด กังวล นอนไม่หลับ จนมีอาการวูบล้มหน้าฟาดกับพื้นจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ. ป่าบอน และ รพ. ป่าบอนส่ง เข้ารับการรักษาตัวต่อที่ รพ. พัทลุง เธอยังอ้างว่าหลังเกิดเหตุไม่มีแม้คำขอโทษ จาก ผอ.รร. ตนจึงไม่ตัดสินใจไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ ผอ.รร ดังกล่าว

 

นางสาวพรพรรณ บอกทั้งน้ำตาด้วยว่า หลังเป็นเรื่อง เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของเขตพื้นที่การศึกษาได้เข้าไปขอเจรจากับตนที่ รร. โดยบอกว่า จะย้ายให้ แต่มีเงื่อนไข ต้องถอนแจ้งความ ผอ.รร ก่อน ทำให้ตนรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม และรู้สึกไม่มีความปลอดภัยในการที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ ที่โรงเรียนดังกล่าว เนื่องจากตนเองไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่พื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด และมาอาศัยอยู่กับสามีในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง เพราะหลังเกิดเหตุมีชายแปลกหน้าเข้าไปถามหาตนที่ รร. ด้วย

 

ด้าน นางสุนิสา เจี้ยงเต็ม ผอ.รร ได้ชี้แจ้งกรณีดังกล่าวว่า นางสาวพรพรรณ ได้ทำเรื่องย้ายมา 2 อย่างคือ เรื่องขอย้ายกรณีพิเศษ และเรื่องขอย้ายไปช่วยราชการ ซึ่งการที่คนเราทำเรื่องขอย้ายและแนบเอกสารความเจ็บป่วยของดนเอง นั่นหมายความว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องจะต้องรับรู้ เพราะฉะนั้นตนจึงนำเรื่องไปบอกเหตุผลที่ประชุมครูว่าทำ บุคคลคนนี้จึงต้องขอย้าย เพราะ รร. เป็นองค์กรเริ่มต้นที่ต้องรับรู้เพราะการทำงานทาง รร.ทำงานในระบบภาคีเครือข่าย 1 คือ ต้องแจ้งในที่ประชุมครู หลังจากนั้นก็จะแจ้งในคณะกรรมการสถานศึกษา ซึ่งคนเราถาเขียนคำร้องมา แสดงว่าเขาอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลได้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง

 

พร้อมยืนยัน ตนทำไปตามขั้นตอน ตามระเบียบถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้ทาง รร .เตรียมจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา แต่ทางนางสาวพรพรรณ มาเอาเอกสารคืนไป จึงไม่ได้ดำเนินการในขั้นตอนดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง