รีเซต

Yum Brands จ่อขาย "Pizza Hut" เซ่นพิษยอดทรุด

Yum Brands จ่อขาย "Pizza Hut" เซ่นพิษยอดทรุด
TNN ช่อง16
6 พฤศจิกายน 2568 ( 12:11 )
9

บริษัท Yum Brands ซึ่งดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารระดับโลก ภายใต้แบรนด์ ได้แก่ Taco Bell, KFC และ Pizza Hut แจ้งว่าได้เริ่มการทบทวนทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ (strategic review) สำหรับ Pizza Hut เพื่อให้แบรนด์ดังกล่าวสามารถบรรลุศักยภาพสูงสุด ทั้งในมุมผู้บริโภค แฟรนไชส์ และผู้ถือหุ้นโดยรวม 

โดยในการแถลงข่าว บริษัทระบุว่า ไตรมาสปัจจุบัน Pizza Hut มีผลการดำเนินงานที่ล้าหลังเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นของ Yum Brands เช่น Taco Bell และ KFC โดย Pizza Hut ยอดขายร้านเดิม (same-store sales) ลดลงติดต่อกันถึง 7 ไตรมาสตลอดช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่คู่แข่งหลักอย่าง Domino’s ยังคงขยายฐานลูกค้าได้ต่อเนื่อง ประกอบกับกระแส ความอิ่มตัวของตลาดพิซซ่า หลังช่วงโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคลดการสั่งอาหารประเภทนี้อย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ Yum Brands ต้องเร่งประเมินอนาคตของ Pizza Hut ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเสาหลักของพอร์ตโฟลิโอ แต่ปัจจุบันสร้างกำไรเพียงร้อยละ 11 ของรายได้รวมทั้งหมดของกลุ่ม

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทระบุว่า การทบทวนทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ในครั้งนี้ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอน แต่ทุกความเป็นไปได้อยู่บนโต๊ะ รวมถึงการแยกกิจการหรือขายให้กับนักลงทุนรายใหม่ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ Pizza Hut มีทิศทางธุรกิจที่ยืดหยุ่นและตอบสนองต่อการแข่งขันได้ดีกว่าการอยู่ภายใต้กลุ่มเดียวกันกับแบรนด์ที่เติบโตเร็วอย่าง Taco Bell และ KFC 

นักวิเคราะห์มองว่าหากมีการขายกิจการเกิดขึ้นจริง จะสะท้อนยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างของ Yum Brands ให้มุ่งเน้นไปที่แบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีความสามารถในการขยายตลาดในระดับโลกได้มากกว่า

รายงานยังระบุว่า ยอดขายผ่านช่องทางดิจิทัลของ Yum! Brands ซึ่งรวมถึงการสั่งผ่านแอปพลิเคชัน คีออสก์ และบริการจัดส่งถึงบ้าน แตะระดับกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ของยอดขายรวมทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ Digital & Delivery First ที่บริษัทใช้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจทั่วโลก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนในระยะยาว

ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักเชิงบวกต่อแบรนด์ Taco Bell และ KFC ที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจผู้บริโภคทั่วโลกยังอยู่ในช่วงระมัดระวังการใช้จ่าย

การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Yum! Brands ในการปรับสมดุลระหว่างแบรนด์เติบโตกับ แบรนด์ที่ต้องฟื้นฟูเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวก ความคุ้มค่า และความหลากหลายของทางเลือกมากขึ้น 

พร้อมกันนั้น ยังเป็นสัญญาณต่ออุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ดทั่วโลกว่า ยุคของการพึ่งพาแบรนด์เก่าอาจสิ้นสุด และการแข่งขันในอนาคตจะอยู่ที่ความเร็วในการปรับตัว การใช้เทคโนโลยี และการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคอย่างแท้จริง 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง