ผู้เชี่ยวชาญคาดชาวอเมริกันอาจเสียชีวิตจากโควิด-19 ร่วม 3 แสนคน

วันนี้ (7ส.ค.63) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน คาดการณ์ว่า ชาวอเมริกันอาจเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มเป็นเกือบ 300,000 คน ภายในวันที่ 1 ธันวาคม แต่อาจรักษาชีวิตผู้คนไว้ได้ 70,000 คน หากสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด โดยการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน มีขึ้นขณะที่ ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อของสหรัฐ ที่ปรึกษาระดับสูงของทำเนียบขาวในการแก้ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เตือนว่า หลายเมืองสำคัญของสหรัฐ อาจปะทุกลายเป็นจุดระบาดแห่งใหม่ หากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่พึงระวังในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัส 

ส่วนดร.คริสโตเฟอร์ เมอร์เรย์ ผู้อำนวยการสถาบัน Institute for Health Metrics and Evaluation หรือไอเอชเอ็มอี (IHME) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นในสหรัฐ แต่ประชาชนก็สวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างมากขึ้น เพราะการระบาดรุนแรงขึ้น ซึ่งหลังเวลาผ่านไประยะหนึ่ง การติดเชื้อก็จะลดลง ขอแค่ประชาชนอย่าการ์ดตก 

ตัวเลขผู้เสียชีวิตในสหรัฐ ขณะนี้อยู่ที่มากกว่า 159,000 คน สูงที่สุดในโลก และติดเชื้อ 4.8 ล้านคน แต่ไอเอชเอ็มอี ระบุว่า อัตราการติดเชื้อกำลังลดลงในอดีตศูนย์กลางการระบาดเช่น ในรัฐแอริโซนา, แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริดาและเท็กซัส แต่กำลังเพิ่มขึ้นในรัฐโคโลราโด, ไอดาโฮ, แคนซัส, เคนตักกี้, มิสซิปปี, มิสซูรี, โอไฮโอ, โอคลาโฮมา, ออริกอนและเวอร์จิเนีย

ไมค์ เดไวน์ ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ จากพรรครีพับลิกัน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาติดเชื้อไวรัสโควิดก่อนการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แต่ไม่ได้แสดงอาการ

ขณะที่ รัฐเทนเนสซีและนอร์ทแคโรไลนา ก็รายงานผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดในวันเดียวเมื่อวันพฤหัสบดี อยู่ที่ 42 คนและ 73 คนตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศในวันพฤหัสบดี ยังเกิน 50,000 คน