"Hermès" ราคาร่วง ส่งสัญญาณขาลง? เคยถูกเทียบแพงกว่าทอง

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ราคากระเป๋า Birkin และ Kelly ของ Hermès แบรนด์หรูจากฝรั่งเศส ในตลาดประมูลมือสองโดยรวมนั้น กำลังปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงโควิด 19 แพร่ระบาด ซึ่งเป็นช่วงเฟื่องฟูอย่างมาก โดยดัชนีชี้วัดจาก Bernstein บริษัทวิจัยและวิเคราะห์ตลาดระดับโลก ที่ใช้เครื่องมือติดตามและวิเคราะห์ราคากระเป๋าที่ถูกขายในการประมูล เมื่อเทียบกับราคาขายปลีกเดิมลดลงต่อเนื่อง ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวพบว่า ส่วนต่างราคาขายต่อ เฉลี่ยของ Birkin และ Kelly ลดลงจากระดับ 2.2 เท่า ในปี 2022 เหลือ 1.4 เท่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ส่วน Birkin Togo 30 ลดลงมาเท่ากับราคาขายปลีกเดิม หรืออยู่ที่ 1 เท่า นั่นหมายความว่าไม่มีราคาส่วนต่างเหลืออยู่ โดยลดลงจาก 1.7 เท่า ในปี 2022 และ 1.9 เท่า ในปี 2018
ปัจจัยหลักมาจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสินค้าหรู อธิบายว่า ผู้บริโภคกลุ่มระดับกลางบน ที่ชื่นชอบและใฝ่ฝัน อยากมีกระเป๋าแบรนด์เนมไว้ในครอบครอง คนกลุ่มนี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ และตลาดงานที่ชะลอตัว ส่งผลให้ผู้เข้าประมูล Birkin มีจำนวนลดลง ขณะเดียวกัน Birkin ก็ถูกนำออกมาขายต่อกันมากขึ้นด้วย ประกอบกับจำนวนผู้ค้าปลีกสินค้าหรูมือสองก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น ดังนั้น เมื่อแข่งขันสูงขึ้น ก็ยิ่งกดดันให้ราคาปรับตัวลดลง
Luca Solca (ลูกา โซลกา) นักวิเคราะห์สินค้าหรูจาก Bernstein บอกด้วยว่า ความคึกคักจากช่วงหลังโควิดระบาด เริ่มจางหายไปแล้ว และเวลานี้กำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม แม้ราคาประมูลจะลดลง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความปรารถนาของผู้บริโภค จึงเชื่อว่า Hermès จะยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของโลกสินค้าหรูต่อไป
ขณะที่ มีรายงานจาก Rebag ผู้จำหน่ายสินค้าหรูมือสอง พบว่า กระเป๋า Birkin และ Kelly ส่วนใหญ่ในภาพรวม ยังคงขายต่อได้ในราคาสูงกว่าราคาขายปลีกจากร้านค้าเดิม สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่ยังมีมากกว่าตัวสินค้า เนื่องจากผู้ซื้อยังยินดีที่จะจ่ายแพงกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์การจำกัดโควตาการขายของ Hermès และอีกส่วนไม่ต้องการรอคอยนานเกินไป สำหรับกระเป๋ารุ่นท็อป
รายงานดังกล่าว ระบุว่า Hermès ยังคงครองตลาดในหมวดกระเป๋าในปี 2025 และมีถึง 8 รุ่นที่สามารถขายต่อได้ในราคาสูงกว่าราคาขายปลีกเดิม
โดย Kelly Mini II เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า (282%) ส่วน Sellier Birkin เพิ่มขึ้น 183% และ Constance เพิ่มขึ้น 137% สำหรับรุ่นอื่น ๆ ก็ทำผลงานได้เกิน 110%
นอกจากนี้ Hermès ยังครองแบรนด์ที่ได้รับความนิยม และมีอิทธิพลสูงสุดในปี 2025 อีกด้วย และรองมาคือ Goyard ซึ่งแบรนด์หรูจากฝรั่งเศส และ อันดับ 3 คือ The Row (แบรนด์หรูสัญชาติอเมริกัน)
ด้าน ชาร์ลส์ กอร์รา (Charles Gorra) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Rebag กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงด้านภาษีศุลกากรทั่วโลก และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ปี 2025 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับตลาดสินค้าหรูมือสอง เนื่องจากราคาสินค้าใหม่ที่สูงขึ้น ผลักดันให้ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นหันไปหาตลาดมือสอง ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมั่นคงของตลาด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระเป๋า Birkin ถูกมองเป็นสินทรัพย์การลงทุนรูปแบบหนึ่ง โดยมูลค่ากระเป๋าจะพุ่งขึ้นทันที นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ออกจากร้าน Hermès
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรูปแบบการจำหน่ายที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อได้ มีเพียงลูกค้าที่มีประวัติการใช้จ่ายกับแบรนด์ในระดับสูงเท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสให้ซื้อกระเป๋าในกลุ่มที่เรียกว่า โควต้า แบ็ก (quota bag) หรือการจำกัดโควตาในการซื้อ เช่น Birkin และ Kelly
และแม้แต่ ลูกค้าที่ภักดีที่สุดของแบรนด์เอง ก็ไม่สามารถเลือกโมเดลที่ต้องการได้แบบเฉพาะเจาะจง เนื่องจาก แบรนด์จะอนุญาตให้บูติก (ช็อป / ร้านค้า) แต่ละแห่งซื้อกระเป๋า Birkin ได้จำนวนจำกัดต่อฤดูกาล โดยไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะได้รับกระเป๋ารูปแบบใด
ตามข้อมูลของ Sotheby’s เรียกกระบวนการที่เป็นความลับนี้ว่า Hermès Game ที่เป็นการสร้างความต้องการกระเป๋าเพิ่มขึ้นไปอีก และเพื่อให้ได้มา กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบ จึงยอมจ่ายเงินหลายหมื่นดอลลาร์ในตลาดขายต่อ ทั้งด้วยความหายาก และในฐานะเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน จึงทำให้ราคา Birkin พุ่งสูงขึ้น
ด้าน James Firestein ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายต่อ สินค้าลักชัวรี OpenLuxury เคยให้สัมภาษณ์กับ ฟอร์จูน เมื่อปีที่แล้ว บอกว่า มูลค่าการขายต่อกระเป๋า Birkin และ Kelly ในช่วง 10 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเร็วกว่าทองคำ และจากการทำงานร่วมกับบรรดาเจ้าของ Birkin ช่วงที่ผ่านมา ประเมินว่าร้อยละ 75 เป็นการซื้อและใช้จริง ส่วนอีกร้อยละ 25 จะเก็บไว้เป็นการลงทุน
เขาบอกด้วยว่า มันคล้ายกับการซื้อผลงานของ ปิกัสโซ แล้วเก็บไว้ที่บ้าน เพราะสามารถมองดู และชื่นชมที่บ้านได้ แต่อีกไม่กี่ปีต่อมา ก็ส่งออกไปแล้วแลกเป็นของอย่างอื่นมาแทน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
