'LTS' ผู้ให้บริการ AI ต้น-กลางน้ำ จับตากำไร Q3/67 ทำระดับสูงสุดใหม่
#ทันหุ้น - บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LTS คาดว่ากำไรสุทธิ Q3/67 ที่ 19 ลบ. (+15.1% QoQ, +24.6% YoY) ทำระดับสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้งาน OBON มูลค่า 100 ลบ. ได้เต็มไตรมาส แม้ว่างานโครงการขนาดใหญ่ด้านอุปกรณ์ส่องสว่างจะไม่สูงมาก ส่วนงานจำหน่ายกลุ่มสถาปนิกทยอยฟื้นตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล คาดรายได้ที่ 140 ลบ. (+74.5% QoQ, +108.1% YoY) คาด GPM ที่ 32.1% ลดลงจาก 47.0% ใน Q2/67 และ 49.4% ใน Q3/66 เนื่องจากสัดส่วนงานวางระบบของ OBON เป็นงานมีมูลค่าสูง แต่มี GPM ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส่วน SG&A คาดที่ 20 ลบ. เพิ่มขึ้น 26.5% QoQ และ 52.5% YoY จากรายได้ที่สูงขึ้น แต่เทียบเป็น SG&A/Sales ต่ำเพียง 14.3% ลดลงจาก 19.7% ใน Q2/67 และ 19.5% ใน Q3/66 เนื่องจากงาน OBON ส่วนใหญ่ใช้ทรัพยากรที่มีในบริษัท ค่าใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น
จับมือ Siam AI ย้ำผู้ให้บริการด้าน AI ของ NVIDIA
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. LTS ประกาศตั้งบริษัทย่อยร่วมกับ Siam AI ชื่อบริษัท ไลท์อัพ เอไอ โซลูชั่น จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ทุกรูปแบบ ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1.0 ลบ. LTS ถือหุ้นในสัดส่วน 90% และ Siam AI ถือหุ้นในสัดส่วน 10% ซึ่ง Siam AI มีชื่ออยู่ในลิสที่ NVIDIA ประกาศว่าเป็น Strategic partner ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการ AI Cloud services ในประเทศไทย และเป็นบริษัทไทยเพียงรายเดียวที่สามารถให้บริการ AI Cloud services ผ่านอุปกรณ์ของ NVIDIA
ขณะที่ LTS ได้แสดงความมุ่งมั่นในธุรกิจนี้ไปก่อนหน้าแล้วผ่านการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของบริษัทในการประกอบธุรกิจด้าน AI ครบวงจร และมีประสบการณ์รับงานด้านนี้แล้วจาก OBON แต่ยังเป็นงานด้าน SI เป็นหลัก เช่น หาสถานที่ Data center ที่เหมาะสม และการเชื่อมต่อสายเคเบิ้ล แต่ฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทย่อยแห่งนี้จะเป็นบริษัทหลักที่ให้บริการด้าน AI ในระยะถัดไป ซึ่งต้องรอความชัดเจนในแผนการดำเนินงาน แต่คาดว่าจะมีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไรในอนาคต เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่ใช้โอกาสจากสิทธิ์ใน GPU ของ NVIDIA ที่ Siam AI มีมาทำการตลาดสร้างรายได้ต่อ ทำให้ลงทุนน้อยแต่สามารถสร้างกำไรได้มาก ซึ่งจะส่งผลกลับมาที่กำไรของ LTS เช่นกัน
ปรับไปใช้เป้าหมายปี 68 ที่ 12.90 บ. แนะนำ "ซื้อ"
สำหรับโครงการเสาไฟอัจฉริยะที่คาดหวังใน Q3/67 อาจเลื่อนการประมูลไปอยู่ใน Q4/67 เป็นอย่างเร็วจากผลกระทบของอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่เป็นโครงการที่ยังไม่รวมในประมาณการของฝ่ายวิจัย ขณะที่หากกำไร Q3/67 ใกล้เคียงกับที่คาดจะทำให้กำไรสุทธิ 9M67 คิดเป็นสัดส่วน 77% ของประมาณการกำไรทั้งปีของฝ่ายวิจัย ทำให้มีโอกาสดีกว่าคาดมากกว่าต่ำกว่าคาด และงานวางระบบให้ OBON คาดยังมีโอกาสได้ต่อเนื่อง จากการเพิ่มพื้นที่ให้บริการเมื่อมีความต้องการมากขึ้น ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปี 67–68 แต่ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 12.90 บาท และยังไม่รวมโอกาสจากธุรกิจ AI ที่รอความชัดเจน จึงคงคำแนะนำ ซื้อ