รีเซต

บลจ.ไทยพาณิชย์ลุยเอเชีย มองพื้นฐานแกร่งเงินเฟ้อต่ำ

บลจ.ไทยพาณิชย์ลุยเอเชีย มองพื้นฐานแกร่งเงินเฟ้อต่ำ
ทันหุ้น
6 พฤษภาคม 2565 ( 13:38 )
98
บลจ.ไทยพาณิชย์ลุยเอเชีย มองพื้นฐานแกร่งเงินเฟ้อต่ำ

#SCBAM #ทันหุ้น บลจ.ไทยพาณิชย์ เสริมพอร์ตแกร่ง กระจายลงทุนหุ้นเอเชีย ด้วยมุมมองการเป็นผู้บริโภคหลักของโลก มีกาวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ขณะเดียวกันเงินเฟ้อยังต่ำเมื่อเทียบกับยุโรป-สหรัฐ เสิร์ฟกองทุน SCBAXJ ลงทุนตลาดเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น เตรียม IPO 5-17 พฤษภาคมนี้

 

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM กล่าวว่า ในช่วงภาวะที่ตลาดการลงทุนมีความเสี่ยงจากหลายด้าน ทั้งจากการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก ๆ เป็นเข้มงวดมากขึ้น เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวมาอยู่ในระดับสูง 

 

ทำให้การจัดพอร์ตการลงทุนในหลากหลายตลาดเพื่อกระจายความเสี่ยง เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนสามารถครองสถานะการลงทุนในระยะยาวและเป็นจังหวะทยอยเข้าลงทุนในตลาดที่มีความน่าสนใจที่ดี 

 

โดยภาพรวมเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียในระยะยาวมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าภูมิภาคอื่นของโลก คาดว่าในปี 2045การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกกว่า 50% จะมาจากภูมิภาคเอเชีย และยังมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนประชากรเอเชียที่สูงถึง 4.5 พันล้านคนซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลก และเนื่องจากตลาดเอเชียไม่ได้เป็นเพียงแหล่งการผลิตสินค้าเพื่อส่งต่อไปยังประเทศพัฒนาแล้วอีกต่อไป แต่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเป็นตลาดบริโภคที่มีขนาดใหญ่และมีแนวโน้มที่จะบริโภคมากขึ้น จึงเป็นเป็นเหตุผลที่จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนมายังภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้บริษัทจึงส่งกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ดัชนีหุ้น Asia ex Japan (SCBAXJ) เสนอขายครั้งแรก ระหว่างวันที่ 5 – 17 พฤษภาคม 2565 ใน 2 ประเภทกองทุน คือ SCBAXJ(A) - ชนิดสะสมมูลค่า และ SCBAXJ(SSF) - ชนิดเพื่อการออม มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท สามารถลงทุนเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป

 

สำหรับกองทุนเปิด SCBAXJ จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ iShares Core MSCI Asia ex Japan ETF สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ในทวีปเอเชีย จำนวน 10 ประเทศ ยกเว้น ประเทศญี่ปุ่น 

 

โดยหุ้นที่กองทุนหลักเลือกลงทุนจะพิจารณาจากหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ในหลากหลายอุตสาหกรรม ให้สอดคล้องกับเทรนด์และประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี อย่างธุรกิจทางการเงิน และ e-commerce โซเชียลมีเดียแพลทฟอร์มขนาดใหญ่

 

เช่น TSMC, SAMSUNG, TENCENT, ALIBABA เป็นต้น ซึ่งมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90%เพื่อช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยน และยังเป็นการลงทุนที่มีวัตถุประสงค์ให้ผลตอบแทนเป้าหมายใกล้เคียงผลตอบแทนของดัชนีที่กองทุนอ้างอิง

 

“เรามองเอเชียมีแนวโน้มเติบโตที่ดี มีศักยภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เอเชียจะไม่ได้เป็นเพียงแหล่งผลิตสินค้าเพื่อส่งต่อไปยังประเทศพัฒนาอีกต่อไป เพราะเอเชียกำลังเปลี่ยนไปเป็นตลาดบริโภคขนาดใหญ่ ปรับตัวสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีของโลก สร้างการบริโภคผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น มุ่งผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมีการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) ในระดับที่สูงมากติดอันดับต้น ๆ ของโลก”

 

เอเชียยังงมีบริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรมที่มีลูกค้าผู้ใช้บริการจำนวนมากในตลาดโลก ขณะเดียวกันค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อเอเชียก็ยังมีแนวโน้มต่ำกว่ากลุ่มประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนต่อเอเชียยังมีไม่มาก

 

ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจเอเชียในปี 2565-2566 น่าจะขยายตัวราว 5.4% และ 5.6% ตามลำดับ 

 

ขณะเดียวกันนโยบายการเงินโดยภาพรวมยังเป็นนโยบายเชิงผ่อนคลายมากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยมีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนมาจากมูลค่าปัจจุบันของตลาดหุ้นเอเชียยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน เช่นเดียวกับมูลค่าของตลาดหุ้นเอเชียในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลกเกือบ 30% สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียยังมีสัญญาณที่เป็นบวกกับทิศทางการลงทุน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง