รีเซต

แนะปรับธาตุไฟในร่างกายเพื่อรักษาสมดุล ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย

แนะปรับธาตุไฟในร่างกายเพื่อรักษาสมดุล ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
TNN ช่อง16
31 มีนาคม 2565 ( 15:19 )
176



วันนี้ (31มี.ค.65) นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า เมื่อประเทศเข้าสู่ฤดูร้อนปัญหาสุขภาพที่ตามมาเนื่องจากอากาศร้อน จะพบได้เช่นอาการฮีทสโตรก ผิวหนังแสบร้อนเกิดผื่นคัน มีอาการร้อนเป็นไข้จากความร้อนในร่างกายตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย และมีอาการท้องร่วงท้องเสียที่เกิดจากอาหาร สิ่งเหล่านี้ แพทย์แผนไทยมักแนะนำให้ทำการปรับธาตุไฟในร่างกายไม่ให้เสียสมดุล เพราะศาสตร์แผนไทยนั้นในร่างกายมนุษย์เราเกี่ยวข้องกับธาตุไฟที่อาจก่อให้เกิดผลกับร่างกาย 4 ประเภท คือ  

1.ไฟสันตัปปัคคี จะทำให้เกิดการเป็นไข้ตัวร้อน เกิดผื่นที่ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบ ดังนั้นหากเป็นไข้ตัวร้อนไม่สบาย ให้ใช้ยาในกลุ่มยาแก้ไข้ เช่น ยาจันทลีลา ยาฟ้าทะลายโจร นอกจากนี้สามารถใช้ยาตรีผลา ช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ และปรับสมดุลร่างกาย ส่วนอาการทางผิวหนัง หากเกิดผื่นที่ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบ ควรใช้คาลาไมน์พญายอ บรรเทาอาการผดผื่นคัน ครีมใบบัวบก บรรเทาอาการอักเสบ

2.ไฟปริทัยหัคคี ทำให้เกิดอาการร้อนระส่ำระส่าย ร้อนอกร้อนใจ (หัวร้อน) ระงับหรือบรรเทาอาการด้วย กลุ่มยาหอม ได้แก่  ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพย์โอสถ และยาหอมแก้ลมวิงเวียน เป็นต้น

3.ไฟชิรณัคคี ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม แก่คร่ำคร่า ซึ่งต้องปรับธาตุไฟชนิดนี้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะช่วง 22.00 – 02.00 น. ต้องนอนให้หลับ และหลีกเลี่ยงอบายมุขทั้งปวง 

4.ไฟปริณามัคคี ทำให้เกิดอาการผะอืดผะอม ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ลมดันขึ้นยอดอก หรือมักมีอาการท้องเสีย จะใช้ยาธาตุบรรจบ ช่วยขับลมในลำไส้ ปรับระบบทางเดินอาหารให้เป็นปกติ หรือยาเหลืองปิดสมุทร ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ 

แต่หากไม่ได้มีอาการชี้ชัดดังกล่าวข้างต้น การดูแลสุขภาพทั่ว ๆ ไป ในช่วงฤดูร้อน ให้ปรับธาตุในร่างกายด้วยการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรส ขม เย็น จืด เช่น  มะระ ย่านาง ขี้เหล็ก บัวบก บวบ น้ำเต้า ตำลึง ฯ 

ซึ่งสมุนไพรที่มีรสขม จืด เย็น จะมีฤทธิ์แก้ไข้ ช่วยระบายความร้อนภายในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลของธาตุไฟภายในร่างกายได้ เมนูอาหารที่แนะนำ ได้แก่ มะระทรงเครื่อง มะระผัดไข่ แกงขี้เหล็ก แกงเลียง 

ทั้งนี้ ต้องลดความเผ็ดร้อนลง โดยเพิ่มผักรสเย็นจืด เช่น ใส่บวบ น้ำเต้า ตำลึงเพิ่มมากขึ้น น้ำสมุนไพรที่แนะนำ ได้แก่ น้ำใบบัวบก น้ำใบย่านาง น้ำใบเตย ชาดอกมะลิ น้ำแตงโม และน้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่ควรรับประทาน เช่น แตงโม แคนตาลูป มะพร้าว ชมพู่ เสาวรส และส้มเขียวหวาน เป็นต้น

นพ.ธิติ กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากนี้ต้องปรับพฤติกรรมอื่น ๆ ด้วย เช่น ไม่รับประทานอาหารมากหรือน้อยเกินไป ให้รับประทานแต่พออิ่ม รู้จักปรับเปลี่ยนอิริยาบททุก ๆ 30 นาที หลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องแอร์แล้วออกมาตากแดดร้อนๆ โดยควรต้องให้ร่างกายปรับตัวสักพัก ค่อยเดินออกมากลางแจ้ง ไม่อดข้าว อดน้ำ และอดนอน ไม่กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ ไม่ทำงานหักโหมเกินกำลัง ทำจิตใจให้ผ่อนใส ปราศจากความโกรธ ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ 

หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยหรือการใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรค สามารถติดต่อที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หมายเลขโทรศัพท์ 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่ FACEBOOK  กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก www.facebook.com/dtam.moph และ line @DTA


ข้อมูลจาก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

ภาพจาก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก / AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง