‘พัทยา’ หวังเปิดรับต่างชาติ ต.ค.นี้ หลังทำหลักเกณฑ์เรียบร้อย เหลือวัคซีนมาตามนัด ฉีดให้คนพื้นที่ 70%

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการเปิดพื้นที่อำเภอบางละมุง (พัทยา) และอำเภอสัตหีบ 2 อำเภอในจังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็น 1 ใน 10 พื้นที่นำร่องที่กำหนดไว้ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เชียงใหม่ โดยเบื้องต้นจะเปิดรับต่างชื่อภายใต้โครงการพัทยา มูฟ ออน ซึ่งจากเดิมกำหนดเปิดให้ได้ในวันที่ 1 กันยายนนี้ ตามความต้องการของภาคเอกชนพัทยา แต่จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในภาพรวมของประเทศไทย และในพื้นที่เอง คาดว่าไม่น่าจะทันตามกำหนดเดิมที่วางไว้ โดยททท. ยังยืนยันในการเดินหน้าตามแผนการเปิดรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเดิม ซึ่งจะพยายามเปิดให้ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วันของนายกรัฐมนตรี โดยความคืบหน้าโครงการขณะนี้ ได้จัดทำหลักเกณฑ์การเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยว (เอสโอพี) เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี และสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี พิจารณาเห็นชอบหลักเกณฑ์ดังกล่าวอีกครั้ง ว่ามีมาตรฐานและเหมาะสมกับการเอื้อประโยชน์ในทุกส่วนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาเห็นชอบออกมา รวมถึงการฉีดวัคซีนให้กับคนในพื้นที่อย่างน้อย 70% ซึ่งเป็นประเด็นหลักในการพิจารณาเปิดรับนักท่องเที่ยวนั้น ขณะนี้มีจำนวนผู้รับการฉีดวัคซีนในจังหวัดชลบุรี อยู่ที่ 33% ของประชากรรวมเท่านั้น ซึ่งยังไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ รวมถึงจังหวัดชลบุรี ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละกว่า 1,000 กว่าราย
“หลังจากเสนอเอสโอพีให้พิจารณาแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาเห็นชอบออกมาชัดเจนนั้น เป็นเพราะขณะนี้ทุกส่วนให้น้ำหนักกับการควบคุมการระบาดโควิด-19 ในจังหวัด เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้น้อยลง แต่หากพิจารณาเฉพาะใน 2 อำเภอที่กำหนดเปิดรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พบว่า วันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา อำเภอบางละมุง หรือส่วนพัทยา มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น 221 คน และอำเภอสัตหีบ มีติดเชื้อเพิ่มเพียง 34 คน เท่านั้น จากตัวเลขทั้งหมดวันประมาณ 1 พันราย ทำให้ยังเชื่อว่ามีโอกาสในการขับเคลื่อนให้เป็นพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยวได้สูง รวมถึงขณะนี้ภาคเอกชนได้เตรียมความพร้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการนำสถานประกอบการและแหล่งท่องเที่ยว เข้ารับการตรวจตามมาตรฐานการท่องเที่ยวเอสเอชเอพลัส ที่พนักงานจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70% ซึ่งตอนนี้มีผู้ประกอบการโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวหลายสิบรายที่ส่งเรื่องเข้ามาขอรับการประเมินเพื่อได้รับมาตรฐานเอสเอชเอพลัสแล้ว” นายอภิชัย กล่าว
นายอภิชัย กล่าวว่า ในระยะเริ่มต้นกลุ่มตลาดประเทศเป้าหมาย ส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าเดิม ที่นิยมเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่พัทยาและชลบุรี ได้แก่ จีน รัสเซีย อินเดีย เกาหลีไต้ ไต้หวัน เยอรมัน โดยเฉพาะการที่ไทยอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนสปุกนิก วี เข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้ ซึ่งจะเพิ่มตลาดรัสเซียเข้ามามากขึ้น แม้จะติดตรงที่ทางการรัสเซีย มีคำแนะนำไม่ให้มาเที่ยวไทย แต่เนื่องจากไม่ได้ห้ามให้เดินทางมาเที่ยวไทยอย่างเด็ดขาด จึงมองว่าน่าจะสามารถเจรจา สร้างความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวไทยได้ ในส่วนของการข้อกังวลเนื่องจากเป็นพื้นที่ทางบก การควบคุมไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางออกนอกเส้นทางท่องเที่ยวเฉพาะ (ซีลรูท) ที่กำหนดไว้นั้น เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่หรือพนักงานดูแลนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ตั้งแต่โรงแรมที่พัก การเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางซีลรูท แหล่งท่องเที่ยว และวนกลับเข้าที่พักอีกครั้ง จึงมองว่าไม่สามารถเดินทางออกนอกเส้นทางได้ แต่หากมีการเล็ดลอดออกมาของนักท่องเที่ยว ททท.จะยกเลิกมาตรฐานเอสเอชเอพลัสอที่ให้กับโรงแรมไว้ ส่วนของนักท่องเที่ยวที่ทำผิดกฎ จะมีการหารือเพื่อเตรียมบทลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎอีกครั้ง
นายอภิชัย กล่าวว่า สำหรับข้อปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่รอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี พิจารณาอยู่นั้น ต้องเป็นนักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนแล้ว ต้องทำการตรวจ RT-PCR วันที่แรกที่เข้ามา วันที่ 3-4 วันที่ 6-7 และวันที่ 13 โดยกำหนดให้ต้องเข้าพักในโรงแรมที่ได้มาตรฐานเอสเอชเอพลัสในช่วง 1-6 วันแรกเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 2-6 สามารถออกไปทำกิจกรรมกลุ่มกับบริษัทนำเที่ยวที่กำหนด และวันที่ 7 สามารถออกจากโรงแรมไปทำกิจกรรมกลุ่มในสถานที่ท่องเที่ยวมีความเสี่ยงต่ำ จากนั้นวันที่ 8-14 สามารถย้ายโรงแรมที่ 2 ได้ รวมถึงสามารถไปแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นทะเบียนกับพัทยา มูฟ ออน ตามแพคเกจและเส้นทางที่กำหนดอโดยมีการแบ่งเป็นเขตแดนไว้ เพื่อป้องกันการปะปนกับนักท่องเที่ยวทั่วไป และหากจะเดินทางออกนอกพื้นที่ไปเที่ยวจังหวัดอื่นต้องอยู่ในพัทยา ครบ 14 วันเหมือนกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แต่หากต้องการเดินทางกลับประเทศต้นทาง แบบอยู่ไม่ครบ 14 วัน สามารถทำได้ แต่ต้องเดินทางออกนอกประเทศทันที
ทั้งนี้ สถิติการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 18.6 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 276,328 ล้านบาท ส่วนปี 2563 นักท่องเที่ยวเข้ามาลดลงเหลือ 6.97 ล้านคน สร้างรายได้ 66,499 ล้านบาท