โบรกคาดกำไร Q3/63 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน, Q4/63 ยังถูกกดดันจากการตั้งสำรองฯ
ทันหุ้น -สู้โควิด –บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง คาดกำไรสุทธิรวม 3Q20E ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ลดลง -41% YoY แต่เพิ่มขึ้น +19% QoQ
- การลดลง YoY เกิดจาก 1) การตั้งสำรองฯที่เราคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะธนาคารจะเร่งตั้งสำรองฯเพิ่มก่อนที่จะหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงเดือน ต.ค. และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด, 2) รับผลจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเต็มไตรมาส และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมถึง soft loan ซึ่งทำให้ NIM มีการปรับตัวลดลง และ 3) มีกำไรพิเศษจากการขาย SCBLife ในช่วง 3Q19 จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท
- การเพิ่มขึ้น QoQ เกิดจาก BBL และ KBANK มีการตั้งสำรองฯที่ลดลงเพราะ 2Q20 ตั้งสำรองฯในระดับที่สูงมากราว 1.3.-2.0 หมื่นล้านบาท จากระดับปกติที่ 5-8 พันล้านบาท ขณะที่ใน 3Q20E เราคาดว่า BBL และ KBANK จะยังตั้งในระดับสูงที่ราว 0.8-1.2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้หลังจากที่มีการคลายล็อคดาวน์ ทำให้ Banassurance และกองทุนรวมเพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 3Q20E เราคาดว่า ไม่มีธนาคารไหนที่เติบโตได้ YoY แต่มีธนาคารที่เติบโตได้ QoQ คือ KBANK, BBL, KKP และ TISCO เพราะ 2Q20 มีการตั้งสำรองฯเผื่อไปแล้ว แต่อย่างไรก็ดี เราคาดว่า ใน 4Q20E มีโอกาสที่ทุกธนาคารจะกลับมาเร่งสำรองฯเพิ่มเติมอีกเพราะจะเห็นสัญญาณของลูกหนี้ที่ชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่หมดมาตรการช่วยเหลือ
ภาพรวมของสินเชื่อ 3Q20E เราคาดว่า จะเติบโตได้ +6.7%YoY และ +0.2% QoQ หรือ +5.6% YTD เนื่องจากมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ทำให้ไม่มีการชำระหนี้คืน ประกอบกับสินเชื่อเช่าซื้อมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากงาน Motor Show ในเดือน ก.ค. นอกจากนี้ธนาคารเริ่มหันมาปล่อยสินเชื่อบ้านเพิ่มมากขึ้นเพราะความเสี่ยงน้อย แต่สินเชื่อรายใหญ่มีการชำระคืนออกมาบ้างในส่วนของเงินทุนหมุนเวียน ในส่วนของ NPLs รวมใน 3Q20E มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.61% จาก 2Q20 ที่ 3.44% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นไม่มากแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง เพราะมีมาตรการ ธปท. ช่วยเหลือโดยยังไม่นับลูกหนี้ที่ไม่จ่ายหนี้ช่วง 6 เดือนนี้ (เม.ย.-ต.ค. 2020) เป็น NPLs นอกจากนี้เราเชื่อว่า หลายธนาคารจะกลับมาเร่ง write-off และขาย NPLs อย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมไม่ให้ NPLs เพิ่มขึ้นมากเกินไป อย่างไรก็ดีเราคาดว่า NPLs จะเร่งตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1Q21E หลังจากมาตรการช่วยเหลือจาก ธปท. หมดลง
กลุ่มธนาคารเรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” แม้ว่า Valuation จะถูกเทรดที่ระดับเพียง 0.4-0.5x ต่ำสุดในรอบ 15 ปี แต่หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เราคาดว่าจะเกิดหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น และจะเห็น NPLs ทำจุด Peak ในช่วง 1Q21E ทำให้เราเชื่อว่า ราคาหุ้นของกลุ่มธนาคารในระยะ 1- 3 เดือนนี้จะยังอยู่ในระดับต่ำแบบนี้ต่อไป โดยเราคาดว่า timing ที่ดีในการเข้าซื้อน่าจะเป็นช่วง NPL ทำจุด peak ในช่วง 1Q21E ทั้งนี้ เรายังคงเลือก BBL เป็น Top pick ในการลงทุนระยะยาว ราคาเป้าหมายที่ 120.00 บาท อิง 2020E PBV ที่ 0.53x (-2SD below 10-yr average PBV) จาก 1) ความแข็งแกร่งด้านงบดุล, 2) มีความเสี่ยงต่ำและมีความต้านทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ดีจาก coverage ratio ที่สูงที่สุดในกลุ่มที่ระดับ 171% ทำให้มี downside ต่ำจากการสำรองฯที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นในปีนี้เหมือนธนาคารอื่นๆ
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1