สรุปมาตรการ “คลายล็อกดาวน์” ล่าสุด ทำอะไรได้-ไม่ได้บ้าง
จากมติ ศบค. มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบ “คลายล็อกดาวน์” ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด สามารถเปิดห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงร้านอาหารได้ ภายใต้มาตรการเข้มงวดด้านสาธารณสุข ซึ่งนั่นก็แปลว่า เราสามารถไปเดินห้าง กินข้าวในร้านได้แล้ว
วันนี้ TrueID จึงมาสรุปรวบ ผลจากการประชุม ศบค. ที่อนุญาต “คลายล็อกดาวน์” มาตรการคุมโควิด-19 ว่ามีอะไรบ้างในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และเริ่มใช้ได้วันนี้ เพื่อที่เราจะได้วางแผนเดินห้าง ช้อปปิ้งกัน
เริ่มมาตรการ "คลายล็อกดาวน์" เมื่อไหร่บ้าง
เริ่มมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ในระยะเวลา 14 วัน
เปิดกิจการ/กิจกรรม อะไรบ้าง
1.การเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้
2.การเปิดบริการร้านอาหาร
3.การปรับมาตรการสำหรับกิจการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์
4.การเปิดกิจการ/กิจกรรมบางประเภท ได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านนวด เฉพาะนวดฝ่าเท้า
5.การใช้อาคารของสถานศึกษา
6.การเปิดใช้สนามกีฬา
“คลายล็อกดาวน์” ร้านอาหาร
1.ร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือเปิดแอร์ อนุญาตนั่งรับประทานในร้านได้คิดเป็น 50% ของจำนวนที่นั่งในร้าน
2.ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือไม่เปิดแอร์ ให้นั่งได้ 75% ของจำนวนที่นั่งในร้าน
3.เปิดร้านได้ไม่เกิน 20.00 น.
4.งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน
5.ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเข้มงวด อาทิ พนักงานสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามตะโกนสั่งอาหาร ห้ามรวมกลุ่ม ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
“คลายล็อกดาวน์” ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า
1.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน ร้านสะดวกซื้อ ให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติจนถึงเวลา 20.00 น.
2.ไม่เปิดบริการ โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ห้องจัดประชุม/จัดเลื้ยง
3.เปิดบริการแบบมีเงื่อนไข ได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดเท้า คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น และร้านอาหารในห้าง ให้เปิดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารมีเครื่องปรับอากาศ
“คลายล็อกดาวน์” การเดินทาง
1.ห้ามออกจากเคหะสถานภายในเวลาที่กำหนดตามเดิม คือ 21.00-04.00 น.
2.จำกัดการเดินทาง โดยให้ใช้มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลในลักษณะ Universal Prevention หรือ การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล เช่น ออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้น หากเป็นกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และผู้มีโรคเรื้อรัง ให้หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จำเป็น (น้อยครั้งและใช้เวลาสั้นที่สุด) เป็นต้น
3.หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด หรือเดินทางเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น
4.การเดินทางโดยเครื่องบิน จะเพิ่มมาตรการไม่ให้ติดเชื้อและแพร่เชื้อ คือ COVID Free Program โดยสถานประกอบการต้องจัดสิ่งแวดล้อม เว้นระยะห่าง และระบบระบายอากาศ
5.ผู้ติดเชื้อให้เดินทางตามโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา
6.ระบบขนส่งสาธารณะจำกัดจำนวนผู้โดยสาร ไม่เกิน 75 % สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร
7.มาตรการสำหรับรถโดยสาร หรือรถตู้ ระยะทางไกลควรแวะพักทุก 2- 3 ชั่วโมง เพื่อระบายอากาศ
8.การเดินทางไปทำงานของแรงงาน ให้ใช้ระบบ seal route ตามมาตรการ Bubble and Seal
กิจกรรมที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า เปิดอะไรบ้าง
1.ร้านเสริมสวย
2.ร้านตัดผมหรือแต่งผม
3.ร้านนวด (นวดเฉพาะฝ่าเท่านั้น)
4.สนามกีฬา/สนามแข่งกีฬา หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ แต่ต้องเปิดแบบไม่มีผู้ชม โดยแจ้งให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ทราบล่วงหน้าก่อนการเริ่มใช้
5.สวนสาธารณะ ประเภทกลางแจ้ง
“ล็อกดาวน์” สถานศึกษา
ยังไม่ได้ให้เปิดการเรียนการสอน แต่สามารถใช้อาคารของสถานศึกษาได้ โดยผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในพื้นที่ ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด
พนักงานและลูกค้าจะต้องเป็นโควิดฟรี COVID-Free Setting และ Universal Prevention สำหรับสถานที่เสี่ยงหรือกลุ่มเสี่ยง คือ ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม, เคยติดเชื้อมาแล้ว 1-3 เดือนถือว่ามีภูมิ หรือมีผลตรวจโดยชุดตรวจ ATK ว่าไม่มีโควิด ซึ่งผู้รับบริการจะต้องแสดงเอกสารรับรองดังกล่าวเพื่อเข้ารับบริการอีกด้วย
ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูล COVID-19
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง