รีเซต

PHGรุกขยายฐานผู้ใช้บริการ รับทรัพย์สปส.เพิ่มค่ารักษา

PHGรุกขยายฐานผู้ใช้บริการ รับทรัพย์สปส.เพิ่มค่ารักษา
ทันหุ้น
8 มกราคม 2568 ( 11:55 )
18

#PHG #ทันหุ้น - PHG รับอานิสงส์ทางสปส. เคาะค่ารักษาให้โรงพยาบาลเอกชนที่ระดับ  12,000 บาท ชี้หนุนรายรับพุ่ง พร้อมปักธงปี 2568 ผลงานทะยานต่อเนื่องจากปี 2567 รับฐานผู้ใช้บริการขยายตัว แถมแจง ROJNA เข้าถือหุ้นใหญ่ หวังขยายฐานลูกค้า-ช่วยลดต้นทุน

 

นางสาวจุฑาบงกช  แย้มสอาด  ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG  เปิดเผยประเด็นคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดสปส.)(ชุดที่ 14) ได้มีมติเห็นชอบจ่ายอัตราค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยให้กับโรงพยาบาล (รพ.) เอกชนคงที่ 12,000 บาทต่อAdjRW เป็นระยะเวลา 6 เดือน

สปส.เพิ่มค่ารักษาหนุน

 

อย่างไรก็ดี การปรับเพิ่มอัตราค่ารักษาของสปส.ดังกล่าวนั้นเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 และต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นมิถุนายน 2568 ทาง PHG มองว่าเป็นผลดีต่อธุรกิจอย่างชัดเจน เพราะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้น

 

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลตัวเลขสัดส่วนรายได้ของ PHG ล่าสุด แบ่งเป็น กลุ่มผู้ประกันตนในส่วนของประกันสังคมอยู่ที่ประมาณ 45% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ป่วยเงินสดและอื่นๆ ซึ่งหากจำแนกเฉพาะกลุ่มผู้ประกันตนของประกันสังคมนั้นเดิมทาง PHG ตัวเลขโควตาอยู่ประมาณ 1.56 แสนราย (อิงข้อมูลปี 2567)

 

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2568 เบื้องต้นประมาณการว่ายังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากได้รับผลบวกจากการปรับอัตราค่ารักษาใหม่ในส่วนของสปส. ประกอบกับทิศทางผู้ใช้บริการขยายตัวและธุรกิจยังมีการขยายฐานการให้บริการตรวจรักษาพยาบาลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

ชู HIFU เพิ่มมูลค่า

 

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาทาง “โรงพยาบาลแพทย์รังสิต” ได้ประสบความสำเร็จครั้งสำคัญของเทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ที่ช่วยรักษาผู้ป่วยเนื้องอกในมดลูกจนสามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้สำเร็จ ว่า การรักษา HIFU เป็นวิธีการที่เราใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงทำลายเนื้องอกโดยตรง โดยไม่ทำให้เกิดแผลบริเวณมดลูก ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ไม่เสียเลือด และฟื้นตัวเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ยังต้องการมีบุตรในอนาคต และกรณีของนางสุจิตตรา คันธนู คือผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจสำหรับทีมแพทย์และผู้ป่วย รวมทั้งยังเป็นปัจจัยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการรักษาให้ดียิ่งขึ้น

 

ส่วนในแง่กรณีที่ทาง บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA ได้เข้ามาถือหุ้นใน PHG ในช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมาเพิ่มเติมอีกจำนวน 58,077,700 หุ้น คิดเป็น 19.36% ของหุ้นชำระแล้วทั้งหมด จากเดิมที่บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 73,500,000 หุ้นใน PHG หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือครองเพียง 5.14% ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวทำให้ ROJNA มีตัวเลขสัดส่วนการถือหุ้นใน PHG เพิ่มเป็นประมาณ 24.5%  ส่งผลให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทาง PHG  เบื้องต้นไม่มีผลกระทบต่อนโยบายการดำเนินธุรกิจ โครงสร้างการบริหารงาน คณะกรรมการบริษัท และทีมผู้บริหาร โดยบริษัทจะยังคงสามารถดำเนินธุรกิจตามแผนเดิม

 

ROJNA หนุนแกร่ง

 

ทั้งนี้ บริษัทคาดทาง ROJNA มองเห็น Synergy ร่วมกัน โดยน่าจะช่วยขยายฐานให้บริการลูกค้ากลุ่มประกันสังคมเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ROJNA นั้นมีนิคมอุตสาหกรรมใหญ่สุดอยู่ที่พระนครศรีอยุธยา และมีทำเลที่ตั้งไม่ไกลจากโรงพยาบาลของกลุ่มบริษัท ซึ่งสามารถส่งต่อผู้ป่วยในกรณีที่เป็นโรคที่มีความซับซ้อน ตลอดจนคงได้เห็นความร่วมมืออื่นในอนาคตต่อไป

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง