ที่สุดแห่งปี 2568 ห้องลับใต้บันได คุก VIP จีนเทาเขย่าศรัทธายุติธรรมไทย

ปี 2568 มีข่าวใหญ่หลายสนาม ตั้งแต่วิกฤตชายแดนไทยกัมพูชาที่เขย่าความมั่นคง ไปจนถึงเศรษฐกิจที่เปราะบางและการเมืองที่เดินเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แต่ในหมวดข่าวอาชญากรรมที่กระทบความเชื่อมั่นของรัฐโดยตรง มีคดีหนึ่งที่ถูกพูดถึงซ้ำอย่างต่อเนื่องในหลายสื่อ เพราะมันแตะหัวใจของระบบยุติธรรมในจุดที่ประชาชนคาดหวังให้เข้มแข็งที่สุด นั่นคือกรณีคุกวีไอพีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนเทาและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เมื่อเรือนจำความมั่นคงสูงกลายเป็นพื้นที่อภิสิทธิ์
ภาพที่ควรจะเป็นของเรือนจำพิเศษ คือพื้นที่ควบคุมเข้มงวด แยกผู้ต้องขังตามความเสี่ยง และปิดช่องว่างไม่ให้เกิดอิทธิพล แต่เรื่องราวที่ถูกเปิดออกกลับพาไปอีกด้านหนึ่งของกำแพงสูง เมื่อมีรายงานและการนำเสนอว่าในเรือนจำมีพื้นที่หรือห้องที่ถูกจัดทำอย่างผิดปกติ มีสิ่งอำนวยความสะดวก และถูกตั้งข้อสงสัยว่าเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องขังบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ถูกเรียกในหน้าข่าวว่าเกี่ยวข้องกับทุนเทา
วันตรวจค้นที่ทำให้เรื่องเล่ากลายเป็นหลักฐาน
จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ปฏิบัติการตรวจค้นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถูกเล่าว่าเป็นการเข้าตรวจสอบภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และพบประเด็นที่ทำให้สังคมตั้งคำถามหนักกว่าเดิม ทั้งเรื่องการจัดพื้นที่ การเข้าออกของบุคคล และวัตถุพยานต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวถึงในข่าว การตรวจค้นครั้งนั้นทำให้ประเด็นที่เคยเป็นข้อครหาบนโลกออนไลน์ ถูกยกระดับเป็นเรื่องในกระบวนการสอบสวนอย่างเป็นทางการ
เส้นทางอำนาจเงินในพื้นที่ปิด
สิ่งที่ทำให้คดีนี้ถูกจับตา ไม่ได้หยุดแค่ภาพห้องหรือสิ่งของในสถานที่คุมขัง แต่เป็นคำถามว่า ถ้ามีอภิสิทธิ์จริง ใครเป็นคนเปิดประตู และระบบแบบไหนที่ทำให้มันอยู่ได้ในพื้นที่ที่ควรตรวจสอบเข้มที่สุด ข้อสงสัยจึงไหลไปสู่เรื่องใหญ่กว่าเดิม คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องขัง ผู้มีอิทธิพลภายนอก และเจ้าหน้าที่รัฐบางระดับ ว่ามีการเอื้อประโยชน์หรือรับผลตอบแทนหรือไม่
จากคดีอื้อฉาวสู่แฟ้มคดีขององค์กรอิสระ
เมื่อเสียงกดดันเพิ่มขึ้น กระบวนการก็เดินต่อไปในเส้นทางที่เข้มขึ้น มีรายงานว่าดีเอสไอส่งสำนวนหรือข้อมูลให้ ป.ป.ช. พิจารณาในประเด็นที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหมายความว่าคดีเริ่มขยับจากระดับวินัยหรือการตรวจสอบภายใน ไปสู่สนามไต่สวนที่มีเดิมพันทั้งตำแหน่ง ความรับผิด และความน่าเชื่อถือของหน่วยงาน
ทำไมคดีนี้แทงลึกกว่าข่าวอาชญากรรมทั่วไป
คดีเรือนจำวีไอพีทำให้สังคมโกรธ ไม่ใช่เพราะมันหวือหวา แต่เพราะมันไปแตะความรู้สึกพื้นฐานเรื่องความเท่าเทียม คนจำนวนมากยอมรับได้ว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้น แต่ยอมรับได้ยากกว่า หากรัฐถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีสองมาตรฐานในพื้นที่ที่ควรไม่มีข้อยกเว้นเลย นั่นทำให้คดีนี้ถูกพูดถึงในฐานะบททดสอบว่า ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันต่ออำนาจเงินแค่ไหน เมื่ออำนาจนั้นเข้าไปอยู่หลังประตูที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
ปลายทางของคดีไม่ได้มีแค่ใครผิดใครถูก แต่รวมถึงคำตอบที่สังคมต้องการได้ยินอย่างชัดเจนว่า จะปิดช่องโหว่แบบเดิมอย่างไร จะทำให้การตรวจสอบโปร่งใสขึ้นได้แค่ไหน และจะทำให้เรือนจำกลับมาเป็นพื้นที่ของกฎหมาย ไม่ใช่พื้นที่ของอิทธิพลได้จริงหรือไม่ เพราะถ้าคำตอบยังไม่ชัด ต่อให้มีข่าวใหญ่แค่ไหนผ่านเข้ามา ความรู้สึกไม่ไว้วางใจต่อระบบยุติธรรมก็จะยังอยู่กับเราไปอีกนาน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
