รีเซต

ศบค.ห่วงร้านอาหารติดเชื้อเพิ่ม ลั่นปีนี้สถานบันเทิง ไม่มีภาพรวมกลุ่มกินดื่มแบบเดิมๆ

ศบค.ห่วงร้านอาหารติดเชื้อเพิ่ม ลั่นปีนี้สถานบันเทิง ไม่มีภาพรวมกลุ่มกินดื่มแบบเดิมๆ
ข่าวสด
29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:48 )
33
ศบค.ห่วงร้านอาหารติดเชื้อเพิ่ม ลั่นปีนี้สถานบันเทิง ไม่มีภาพรวมกลุ่มกินดื่มแบบเดิมๆ

29 พ.ย.64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า สถานการณ์โควิดทั่วโลก หลายประเทศติดเชื้อสูงขึ้น เช่น อังกฤษ ตุรกี เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี แม้ฉีดวัคซีนครอบคลุมสูง บางประเทศเคยผ่อนคลายมาตรการ เปิดร้านอิสระ ยกเลิกใส่หน้ากาก ตอนนี้กลับมาเข้มมาตรการใหม่ทำให้เกิดการประท้วง ส่วนรอบบ้านเรามาเลเซียลดลงใกล้เคียงประเทศไทย จับตามองเวียดนามที่ติดเชื้อ 1.2 หมื่นราย และลาวเกินพันรายติดต่อกัน 2 สัปดาห์

 

ส่วนวันนี้ประเทศไทยติดเชื้อ 4,753 ราย หายกลับบ้าน 6,165 ราย เสียชีวิต 27 ราย ตอนนี้ติดเชื้อลดลง แต่ยังคงศักยภาพรองรับผู้ป่วยไว้ อย่างกทม.ยังเปิดศูนย์แยกกักในชุมชน 54 แห่ง มีเตียงรองรับ 6 พันกว่าเตียง อัตราครองเตียงเหลือ 83 ราย มีคนรับใหม่ 4 ราย กลับบ้าน 12 ราย รพ.สนาม กทม.ยังเหลือ 8 แห่ง รับใหม่ 1 ราย กลับบ้าน 3 ราย เหลือเตียงรองรับกรณีเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น

 

ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้เป็นกลุ่มสูงอายุและโรคประจำตัว 100% มีผู้ป่วยติดเตียง 2 ราย รับเชื้อจากลูกหลานที่เข้าออกบ้าน 80% ติดเชื้อโดยคนใกล้ชิด ส่วนใหญ่อาการรุนแรงจนเสียชีวิตเพราะไม่ได้รับวัคซีน ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตที่มีประวัติฉีดวัคซีนครบ มีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ดังนั้น วัคซีนจะช่วยให้ปลอดภัย ลดอัตราเสียชีวิตชัดเจน

 

การติดเชื้อวันนี้กระจายหลายจังหวัดทิศทางลดลง สมุทรสาครไม่มีรายงานเลย ลำปาง อำนาจเจริญ ตัวเลขเล็กมาก จังหวัดติดตามใกล้ชิดนอกจาก กทม. และปริมณฑล ยังมี 4 จังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 ราย คือ สงขลา นครศรีธรรมราช นครราชสีมา และขอนแก่น ส่วนที่ติดเชื้อ 50-100 ราย มี 6 จังหวัด คือ กระบี่ ชุมพร พัทลุง ราชบุรี สระบุรี และสตูล

 

ส่วน 5 จังหวัดแนวโน้มสูงขึ้น แต่ตัวเลขไม่สูงมาก กรณีเกิน 100 ราย คือ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กรณีน้อยกว่า 100 ราย คือ เชียงราย ลำพูน และสิงห์บุรี อย่างเชียงรายตรวจ ATK ผลบวก 10-20% มาตลอด คลัสเตอร์สำคัญคือตลาด ลำพูนคือโรงงาน ส่วน 10 จังหวัดรายงานติดเชื้อสูงสุด คือ กทม. นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต ปัตตานี และนครราชสีมา

 

ทั้งนี้ พื้นที่นำร่องสีฟ้าใหม่วันที่ 1 ธ.ค. ที่ครอบคลุมทั้งจังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี กาญจนบุรี บางจังหวัดเปิดบางอำเภอ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ (เปิดเพิ่ม อ.จอมทอง) พระนครศรีอยุธยา (อ.เมือง) ขอนแก่น นครราชสีมา มีหลายอำเภอ สุรินทร์ จันทบุรี ตราด (เกาะกูด) หรือสงขลาเปิดวันที่ 16 ธ.ค.นี้ที่ อ.เมือง สะเดา และหาดใหญ่ การเปิดมีหลายปัจจัยในการพิจารณาอนุมัติ อย่างสงขลาฉีดวัคซีนครอบคลุม 73% แต่ต้องเน้นย้ำว่าแม้ฉีดวัคซีนเกิน 70% แต่ขอให้สัปดาห์นี้ช่วยกันพาคนใกล้ชิดรู้จักไปฉีดวัคซีน ทำให้ตัวเองปลอดภัย จังหวัดชุมชนของเราปลอดภัย

 

"อย่างที่เน้นย้ำการคาดหวังตัวเลขเป็น 0 เป็นไปไม่ได้ แต่พิจารณาควบคู่มาตรการและรายงานผู้ติดเชื้อที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้ เป็นสิ่งสำคัญพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งก่อนหน้านี้พบการติดเชื้อในประเพณี พิธีกรรมศาสนา แคมป์คนงาน ตลาด ชุมชน โรงงาน ตอนนี้ห่วงร้านอาหารที่เริ่มมีรายงานมากขึ้น ทั้งนอกห้างและในห้าง ซึ่งจะมีความต่อเนื่องไปยังการเปิดสถานบันเทิง" พญ.อภิสมัย กล่าว

 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ศบค.รับรายงานต่อเนื่องกรณีร้านอาหารแอบจำหน่ายแอลกอฮอล์ และแอบเปิดให้บริการคล้ายผับบาร์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดได้ ต้องเปิดเมื่อพร้อม เมื่อผ่านการประเมิน ซึ่งกำลังเตรียมการประเมินและสำรวจ การเปิดจะต้องค่อยเป็นค่อยไป เบื้องต้นที่มีข้อกำหนดออกมาแล้ว คือ เปิดถึง 23.00 น. และปิด 24.00 น. งดกิจกรรมคลุกคลีเสี่ยงแพร่โรค ร้องคาราโอเกะ เต้นรำ เวียนแก้ว ดื่มแก้วเดียวกัน ส่งเสริมการขายที่ทำให้เกิดแออัด กิจกรรมร่วมกันระหว่างลูกค้า พนักงาน

 

ย้ำว่าแม้จะเปิดแล้ว แต่หากหละหลวม ไม่ปฏิบัติตามเคร่งครัด ก็เป็นไปได้ที่จะถูกปิดอีกรอบ เน้นย้ำทำความเข้าใจนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เริ่มท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่าการเปิดสถานบันเทิงยุคใหม่ สถานการณ์แพร่ระบาดจะคาดหวังเหมือนเดิมเป็นไปไม่ได้ เช่น ฟูลมูนปาร์ตี้ รวมกลุ่มดื่มกินเต้นรำ สนุกสนานเฮฮา ขาดสติ

 

"ภาพบรรยากาศปีนี้คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง อย่างลอยกระทง หลายจังหวัดทำมาตรการเข้มงวด นักท่องเที่ยวร่วมมือดี คลัสเตอร์ลอยกระทงเห็นติดเชื้อประปราย ฝากประชาชนชาวไทยว่าอีกเทศกาลที่จะมาถึง คือ ปีใหม่ คริสต์มาส ปีนี้ต้องค่อยปรับตัว เราคงไม่อยากเห็นภาพกลับมาปิดใหม่ ฝากความร่วมมือทุกฝ่ายเอกชน ประชาชน ภาครัฐมีมาตรการขับเคลื่อนแล้ว เอกชน สมาคมต่างๆ ช่วยขับเคลื่อนทำความเข้าใจผู้ประกอบการ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเปิดสถานที่ที่พร้อม" พญ.อภิสมัยกล่าว

 

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า วัคซีนโควิด 19 ฉีดเพิ่มขึ้น 235,121 โดส สะสม 92,360,417 โดส เข็มแรก 66.6% เข็มสอง 57% และเข็มสาม 4.6% 5 ธ.ค. สธ.ตั้งเป้าฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส โควิด 19 เป็นโรคใหม่ ถ้าครอบคลุมไม่ได้ตามเป้าหมาย ไม่มีใครปลอดภัย อย่างยุโรปเห็นชัดครอบคลุม 80% ก็กลับมาระบาดซ้ำ เกิดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตต่อเนื่อง

 

"ตอนนี้วัคซีนเพียงพอ หากเคยลังเล อยากรออีกหน่อย ต้องการเลือกวัคซีนที่มั่นใจ ตอนนี้ทำได้ กรณีแรกอาจเลือกผู้ผลิตเดียวที่ฉีดทั้ง 2 เข็ม หรือฉีดไขว้ที่ สธ.ประกาศแล้วว่าสูตรไหนมีรายงานรับรองความปลอดภัย ขอให้แต่ละหน่วยฉีดบริหารวัคซีนให้ดี สธ.เน้นย้ำว่า ต้องรวมคนมีแรงงานต่างด้าวในความดูแล ต่อให้อยู่ในฐานะผิด กฎหมาย ก็พากันมาฉีดวัคซีน ต้องการครอบคลุมมากสุด คนต้องการกระตุ้นเข็ม 3 คนเคยติดเชื้อแล้ว 3 เดือน ก็ต้องมารับวัคซีนเช่นกัน" ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง