รีเซต

เจาะหุ้นแบงก์ฉายแววเด่น รับมาตรการช่วยลูกหนี้

เจาะหุ้นแบงก์ฉายแววเด่น รับมาตรการช่วยลูกหนี้
ทันหุ้น
23 สิงหาคม 2564 ( 10:47 )
83

 

ทันหุ้น- บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือSCBS  ระบุว่าธปท.ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมเพื่อรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ซึ่งมีผลกระทบเชิงบวกต่อ NIM และ credit cost ของกลุ่มธนาคาร  โดยปรับประมาณการ NIM ปี 2565 ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 12 bps และปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 7% จากการขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23% ที่จะสิ้นสุดสิ้นปี 2564 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565

 

การผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาวจะช่วยลดแรงกดดันต่อภาระการตั้งสำรองของธนาคาร และสร้างความมั่นใจว่า credit cost จะลดลงในปี 2565

 

อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการ credit cost ไว้ตามหลักอนุรักษ์นิยม โดยปล่อยให้ผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้เป็น upside แม้จะปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น แต่ยังคงราคาเป้าหมายตามหลักอนุรักษ์นิยมไว้เหมือนเดิม ปัจจุบัน SETBANK ซื้อขายที่ valuation ถูกที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ -2SD สะท้อนความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ยังคงเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เพราะกำไรจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตสูงที่สุด และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด

 

สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม รธปท.เพิ่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมเพื่อรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

 

1) อัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF: ธปท.จะขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23% จาก 0.46% ต่อปี ที่จะสิ้นสุดสิ้นปี 2564 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565

 

2) การผ่อนผันการจัดชั้นหนี้: ธปท.จะอนุญาตให้สถาบันการเงินสามารถคงการจัดชั้นสำหรับลูกหนี้รายย่อย และ SMEs ที่เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ได้จนถึง 31 มีนาคม 2565 เพื่อเอื้อให้สถาบันการเงินและลูกหนี้มีเวลาเพียงพอในการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลในระยะยาว นอกจากนี้ ธปท.จะผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาวไปจนถึงสิ้นปี 2566 โดยก่อนหน้านี้ ธปท.ได้อนุญาตให้ผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อภายใต้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ระยะสั้นไปจนถึงสิ้นปี 2564

 

3) สินเชื่อฟื้นฟูสำหรับลูกหนี้ SMEs: ธปท.จะขยายเพดานวงเงินสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ซอฟต์โลนที่มีคุณสมบัติตามกำหนด และปรับลดค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขโครงการค้ำประกันสินเชื่อ

 

4) บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล: สำหรับบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ธปท.จะคงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำไว้ที่ 5% และขยายเพดานวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท) เป็นไม่เกิน 2 เท่าของรายได้ ไปจนถึงสิ้นปี 2565

 

ปรับประมาณการ NIM และกำไรปี 2565 เพิ่ม หลังจาก ธปท.ขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23% จาก 0.46% ต่อปี ที่จะสิ้นสุดสิ้นปี 2564 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 เราจึงปรับประมาณการ NIM ปี 2565 ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 12bps ส่งผลทำให้ประมาณการกำไรปี 2565 ปรับเพิ่มขึ้น 7% เราคาดว่าผลกระทบเชิงบวกต่อต้นทุนทางการเงินจากการขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23% จะถูกลดทอนลงบางส่วนโดยผลกระทบเชิงลบต่อผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อจากการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จ เราคาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ในระดับทรงตัวในปี 2565 เราคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 21% ในปี 2564 และ 18% ในปี 2565

 

มี upside จากแรงกดดันที่ลดน้อยลงต่อ credit cost การผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาวจะช่วยลดแรงกดดันต่อภาระการตั้งสำรองของธนาคาร และสร้างความมั่นใจว่า credit cost จะลดลงในปี 2565 อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการ credit cost ของเราไว้ตามหลักอนุรักษ์นิยม โดยปล่อยให้ผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้เป็น upside เราคาดว่า credit cost โดยเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารจะลดลง 26 bps ในปี 2564 และ 21 bps ในปี 2565

 

Valuation ไม่แพง แม้ปรับประมาณการกำไรปี 2565 ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น แต่ยังคงราคาเป้าหมายตามหลักอนุรักษ์นิยมไว้เหมือนเดิม ปัจจุบัน SETBANK ซื้อขายที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ -2SD ซึ่งเราเชื่อว่าสะท้อนเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว และ valuation ไม่แพง เราเชื่อว่านักลงทุนหันมาโฟกัสมากขึ้นกับการฟื้นตัวในปี 2565 หลังจากกระจายวัคซีนโควิด-19

 

ยังคงเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคารเพราะกำไรจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตสูงที่สุด และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด ราคาเป้าหมาย165บาทต่อหุ้น

 

 

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง