รีเซต

มทร.อีสาน เคาะคำสั่งให้ออก รุ่นพี่รับน้องโหด 15 คน พักการเรียน 10 คน

มทร.อีสาน เคาะคำสั่งให้ออก รุ่นพี่รับน้องโหด 15 คน พักการเรียน 10 คน
มติชน
26 มีนาคม 2565 ( 15:05 )
76

ความคืบหน้ากรณีนายพัสยศ หรือน้องเปรม ชลภักดี อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมอาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน นครราชสีมา ถูกผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ซึ่งเป็นนักศึกษารุ่นพี่ ปวส.ชั้นปีที่ 2 สาขาและสถาบันการศึกษาเดียวกันโดยถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดช่วงกลางคืนวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา

โดยผลชันสูตรพลิกศพของสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ระบุสาเหตุเสียชีวิตโดยสันนิษฐานหัวใจวายเฉียบพลันจากการกระทบกระแทกบริเวณทรวงอก ทางด้านพนักงานสอบสวน สภ.มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา แจ้งข้อกล่าวหา 7 นักศึกษารุ่นพี่ ชั้นปี 2 ฐานความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บและแจ้งข้อหารุ่นพี่ทั้งชั้นรวม 25 คน ความผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อและความผิดฐานทำให้ขายหน้าต่อธารกำนัล อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อดำเนินการฟ้องศาลจังหวัดนครราชสีมา ภายใน 30 วัน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มีนาคม รศ.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน นครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้ลงนามในคำสั่ง มทร.อีสาน ที่ 0421/2565 เรื่อง ลงโทษวินัยนักศึกษา เรื่องนี้ ดังนี้

นักศึกษารุ่นพี่ ปวส. ปี 2 จำนวน 15 ราย ผู้ร่วมการฝ่าฝืน วางแผน สั่งการ ควบคุมการดำเนินกิจกรรม ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยการใช้ไม้ฟาด ชกต่อย และใช้เท้าถีบยัน เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มีความผิดตามระเบียบ มีโทษให้ออกขณะเดียวกัน ยังสั่งให้ลงโทษนักศึกษารุ่นพี่ปี 2 อีก 10 ราย ฐานมีส่วนร่วมในการวางแผน สั่งการ ควบคุมการดำเนินกิจกรรม ให้รุ่นน้องปี 1 ถอดเสื้อผ้า หมอบ คลาน และใช้ศีรษะปักพื้น เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ

มีโทษผลการสอบของภาคการศึกษานั้นเป็น “โมฆะ” โดยให้บันทึกผลการศึกษาเป็น “W” และลงโทษนักศึกษารุ่นพี่ปี 2 ที่เหลืออีก 5 ราย ฐานความผิดเป็นผู้ที่ทราบว่าจะมีการจัดกิจกรรม ตั้งแต่การวางแผน การนัดหมาย การเดินทาง ตลอดจนดำเนินกิจกรรม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ทราบกิจกรรมดังกล่าวขัดต่อประกาศมหาวิทยาลัยฯ แต่กลับไม่ได้ห้ามปรามหรือแจ้งอาจารย์ หรือผู้เกี่ยวข้องทราบเพื่อเข้าระงับเหตุ เป็นการร่วมกันสนับสนุนให้เกิดกิจกรรม ให้ลงโทษตัดคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน พร้อมแจ้งผู้ปกครองให้ทราบ

นอกจากนี้ ยังสั่งลงโทษนักศึกษา ปี 1 จำนวน 37 ราย ฐานความผิดมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมไม่พึงประสงค์ เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องอันเป็นการขัดต่อประกาศของมหาวิทยาลัย ให้ลงโทษตัดคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน พร้อมแจ้งผู้ปกครองให้ทราบ อย่างไรก็ตาม นักศึกษาที่มีบทลงโทษ สามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 15 วัน โดยคำสั่งลงโทษมีผลตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 65

อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าวว่า บทลงโทษจากทางมหาวิทยาลัยฯ คนละส่วนกับโทษทางอาญา โดยบทลงโทษให้ออกนักศึกษารุ่นพี่ 15 คน ทุกคนจะต้องมาเขียนใบลาออก และสามารถนำผลการเรียนของปี 1 ไปใช้ประโยชน์สมัครเข้าเรียนต่อได้ ถือเป็นโทษขั้นสูงใกล้เคียงกับไล่ออก แต่นักศึกษากลุ่มนี้ยังมีทางเดินทางการศึกษาในอนาคตแต่หากต้องมองไปถึงโทษทางคดีอาญาที่ตำรวจแจ้งข้อหารุ่นพี่กลุ่มนี้ 7 คน ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย

ซึ่งทั้ง 7 คนรับสารภาพ มีการถูกเนื้อต้องตัว “น้องเปรม” จนถึงแก่ความตาย โทษในคดีอาญาอาจรุนแรงถึงขั้นขนาดตัดสินอนาคตของเด็กกลุ่มนี้ บทลงโทษที่คณะกรรมการปกครองพิจารณาแล้วนั้น จะเป็นมาตรฐานของมหาวิทยาลัยและเป็นกรณีศึกษาสำหรับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ มหาวิทยาลัยฯ ได้รับความบอบช้ำจากเหตุการณ์นี้ ยอมรับสภาพกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และจะวางแนวทางแก้ไขให้ดีที่สุด เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในอนาคต

ส่วนการช่วยเหลือครอบครัว “น้องเปรม” มีกลุ่มศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฯ มอบเงินเยียวยา 4 แสนบาท ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยได้ตั้งกองทุนเบื้องต้น 4 แสนบาท ช่วยเหลือน้องสาวของน้องเปรม ให้ได้รับทุนเรียนจนจบปริญญาตรี และช่วยเหลือแฟนสาวของน้องเปรม ให้เรียนจบปริญญาตรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง