คิดเห็นแชร์ : แชร์มุมมอง หุ้นกัญชง (ชา)
บทความ “คิด เห็น แชร์” ฉบับนี้ผมจะขอแชร์มุมมองต่อสถานการณ์ในตลาดหุ้นไทยที่เป็น Talk of the town ในขณะนี้ คือ ประเด็นเรื่องที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสนใจศึกษาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงกันมากมายหลายบริษัท และราคาหุ้นปรับตัวขึ้นร้อนแรงมาก คล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยหลายปีก่อนกับหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน โดยเฉพาะโครงการโซลาร์ฟาร์ม ผมจะขอแยกประเด็นเนื้อหาในบทความความฉบับนี้ออกเป็น 2 ส่วนนะครับ เพื่อปูพื้นฐานก่อนว่าเหตุใด “หุ้นกัญชา” ในต่างประเทศจึงได้รับความสนใจมากและมี Valuation ที่พรีเมียมมาก และกรณี “หุ้นกัญชง” ในประเทศไทย มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ผมขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจกัญชาและกัญชง จึงจะขอแชร์มุมมองในด้านการลงทุนเป็นหลักนะครับ
ก่อนที่จะเขียนถึงที่มาของความพรีเมียมของหุ้นกัญชาในต่างประเทศ ผมขอแนะนำคำศัพท์คำว่า “Sin stock” อาจจะแปลตรงตัวว่า “หุ้นบาป” (ในประเทศไทย เท่าที่ผมทราบยังไม่มีการกำหนดคำแปลของคำว่า “Sin stock” เป็นภาษาไทย ในทางวิชาการ) ซึ่ง “Sin stock” จะหมายรวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงหรือทางอ้อมกับธุรกิจที่ Unethical (ผิดจรรยาบรรณ) หรือ Immoral (ผิดศีลธรรม) เนื่องจาก “Sin stock” เป็นทฤษฎีจากทางฝั่งตะวันตก คำว่า “บาป” จึงเกี่ยวข้องกับ “บาป 7 ประการ” หรือ “Seven deadly sins” ในทางศาสนาคริสต์ ซึ่งประกอบไปด้วย ราคะ ตะกละ โลภะ เกียจคร้าน โทสะ ริษยา และอัตตา มาถึงตรงนี้ ผู้อ่านหลายท่านอาจจะเริ่มสงสัยว่าเรื่องของบาป เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นอย่างไร ในทางทฤษฎีทางการเงินแล้ว มูลค่าของหุ้นจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลักๆ (กำหนดให้ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ คงที่) คือ i) แนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงาน และ ii) ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับบาปต่างๆ นั้นมักที่จะมีผลการดำเนินงานที่มั่นคง มีการเติบโต และมีความเสี่ยงต่ำ แม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจสุรา ยาสูบ และรวมถึงกัญชา (บาปความตะกละ) ธุรกิจการพนัน dาสิโน (บาปความโลภ) ธุรกิจผลิตและขายอาวุธ (บาปความโทสะ) ธุรกิจอุตสาหกรรมการบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ (บาปความราคะ) เป็นต้น ธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ที่ผมยกตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจต่ำมากและมีความมั่นคง สังเกตได้จากการที่ธุรกิจเหล่านี้อยู่คู่กับประวัติศาสตร์มนุษย์มาอย่างยาวนาน ดังนั้นในทางทฤษฎีการเงินแล้ว Sin stock จึงมักที่จะให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี (ผู้อ่านที่สนใจ อาจหาอ่านงานวิจัยเพิ่มเติมได้ โดยผมแนะนำบทความ “Sin Stocks Revisited: Resolving the Sin Stock Anomaly” เขียนโดย Blitz D. และ Fabozzi F. J. ตีพิมพ์ในนิตยสาร The Journal of Portfolio Management ปี 2560)
ดังนั้นเมื่อพูดถึง ธุรกิจกัญชา ที่เริ่มมีการปลดล็อกในบางประเทศให้ใช้เพื่อ i) ทางการแพทย์ (สาร CBD) และ ii) เพื่อการสันทนาการ (สาร THC) ผมจะนึกถึงคำว่า “Sin stock” ขึ้นมา และจะประเมินต่อไปว่าธุรกิจนี้จะสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้ในอนาคต โดยที่มีความเสี่ยงต่ำ ทั้งในด้านของอุตสาหกรรมทางการแพทย์ที่มีขนาดตลาดที่ใหญ่มาก และในด้านสันทนาการที่มีขนาดตลาดที่ใหญ่มากเช่นกัน และมีแนวโน้มที่ลูกค้าจะเกิดการ “ซื้อซ้ำเรื่อยๆ”
ถึงจุดนี้ผู้อ่านหลายท่าน อาจจะเริ่มสังเกตเห็นที่ผมเขียนหัวข้อบทความ กัญชง (ชา) ซึ่งผมต้องการที่จะแยกความแตกต่างระหว่าง กัญชง และ กัญชา ให้ผู้อ่านเห็นตั้งแต่ต้น เพราะกฎหมายประเทศไทยปัจจุบัน มีการปลดล็อกเพียงแค่ กัญชง ยังไม่มีการปลดล็อกกัญชา โดยที่ความแตกต่างระหว่างพืชทั้ง 2 คือ สาร THC ที่ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้จัดให้เป็นสารเสพติด โดยเราจะพบสาร THC ปริมาณที่มากในกัญชา และพบน้อยในกัญชง ประเด็นเรื่องปริมาณสาร THC นี้เองคือตัวตัดสินว่า พืชชนิดใดคือกัญชง และพืชชนิดใดคือกัญชา
ในตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน ผมมักที่จะเห็น นักลงทุนหยิบยกกรณีศึกษาหุ้นกัญชา ที่ได้รับการปลดล็อกในต่างประเทศมาเทียบเคียงกับ กรณีหุ้นที่สนใจทำธุรกิจกัญชงในไทยว่า หุ้นกัญชงในประเทศไทยน่าจะมีโอกาสที่จะมีความพรีเมียมเทียบเท่ากับหุ้นกัญชาในต่างประเทศ แต่หากผู้อ่านได้อ่านในรายละเอียดเรื่อง “Sin stock” ที่ผมอธิบายไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า ความพรีเมียมของหุ้นกัญชาจะมาจาก 2 ปัจจัย คือ i) อุตสาหกรรมทางการแพทย์ จากสาร CBD และ ii) ความเป็น Sin stock จากสาร THC ขณะที่ ธุรกิจกัญชงในประเทศไทยจะมีความพรีเมียมในด้านอุตสาหกรรมทางการแพทย์จากสาร CBD เท่านั้น ความพรีเมียมของหุ้นกัญชงไทยจึงควรที่จะน้อยกว่าหุ้นกัญชาในต่างประเทศ นอกจากนี้สำหรับผลิตภัณฑ์กัญชงในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่จะไม่มีสาร THC จึงอาจสร้างยอดขายได้มากในช่วงต้นของการอยากลองของใหม่ แต่ผมยังไม่แน่ใจถึงการซื้อบริโภคซ้ำ หากไม่มีสาร THC ในอาหารและเครื่องดื่ม …
ทั้งนี้จุดประสงค์ที่ผมเขียนบทความนี้ เพียงแค่ต้องการอธิบายถึงหลักการและเหตุผลว่า เหตุใดหุ้นกัญชงจึงเป็นที่สนใจเป็นอย่างมากในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ และต้องการให้ผู้อ่านสามารถวิเคราะห์การลงทุนได้อย่างถูกต้อง
สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ KGI