เทียบฟอร์ม 2 หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ DELTA-SVI ในมุมมอง"เคจีไอฯ"
#DELTA #ทันหุ้น-บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ 2 บริษัทได้แก่หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA และหุ้นบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI โดยคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 รวมถึงคำแนะนำและราคาเป้าหมายที่ประเมินว่า
ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ แนะนำถือหุ้น DELTA ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 75 บาท ยังคงมองว่า DELTA จะได้อานิสงส์จากการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ และ EVs .คาดว่าโมเมนตัมยอดขายจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ และในปี 2568 โดยรายได้จากกลุ่ม server จะคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวม ในขณะที่คาดว่ายอดขายกลุ่มยานยนต์จะคิดเป็นประมาณ 25-30% ของรายได้รวม ถึงแม้ว่ากำไรในปี 2567จะมี upsideจำกัด (เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในงวด 1H67 จะคิดเป็น 40% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา) แต่มองว่าแนวโน้มบวกในระยะยาวอาจจะทำให้นักลงทุนในตลาดให้ premium กับหุ้นDELTA ซึ่งเมื่อใช้ PER แบบมี premium (55X; +0.5 S.D) โดยอิงจาก EPS ปี 2568F เพื่อสะท้อนมุมมองของการเติบโตในระยะยาว ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท
ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 คาดว่าจะมีกำไรจากธุรกิจหลักอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท ลดลง 12% YoY แต่เพิ่มขึ้น 2% QoQ ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักในครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท ลดลง 2% YoY และคิดเป็น 40% ของประมาณการกำไรเต็มปีของฝ่ายวิจัย โดยคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 1%QoQ เพราะลูกค้ายังเป็นกังวล และมีมุมมองที่ระมัดระวังอยู่ ส่งผลให้ยอดขายในครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% YoY คิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรเต็มปีของฝ่ายวิจัย
นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าน่าจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ 21.4% อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะยังสูงอยู่ที่ 11.3% เพราะค่าบริการทางด้านเทคนิค
**SVI
ด้านหุ้น SVI ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ แนะนำถือ ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 6.80 บาท มองการฟื้นตัวของยอดขาย semiconductor ทั่วโลกอาจจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าจะมีการกลับมาตุนสต็อกรอบใหม่ และ จะช่วยหนุนให้ลูกค้าของ SVI ทำการผลิตในระดับ mass production ในครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าลูกค้าใหม่จะเริ่มผลิตแบบ mass production ซึ่งจะมีมูลค่ายอดขายประมาณ 100ล้านดอลลาร์ฯ ในปี2567 ในขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยหนุนอัตรากำไรของ SVI ด้วย โดยเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในงวดครึ่งแรกปีนี้จะอยู่ที่ 9.8% ซึ่งสูงกว่าช่วงเป้าหมายของบริษัทที่ 8.5-9.0% อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยจะปล่อย upside จากอัตรากำไรขั้นต้นไปก่อน เพื่อรองรับความท้าทายในส่วนของยอดขาย
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/67 คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ SVI อยู่ที่ 222 ล้านบาท ลดลง 15% YoY และลดลง 23% QoQ ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในงวดครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY คิดเป็น 52% ของประมาณการกำไรเต็มปีของฝ่ายวิจัย โดยคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 145 ล้านดอลลาร์ ลดลง 13% YoY แต่เพิ่มขึ้น 2% QoQ เพราะคาดว่ายังมีการปรับสมดุลสต๊อกอยู่ ซึ่งจะทำให้ยอดขายในครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 287 ล้านดอลลาร์ ลดลง 17% YoY คิดเป็น 41% ของประมาณการกำไรเต็มปีของฝ่ายวิจัย นอกจากนี้คาดว่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นเป็น 8.9% ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากฐานที่สูงในไตรมาส 1/67