รีเซต

AKR จ่อชิงงานใหม่ 3 พันล.รุกฐานอาเซียนต่อยอด

AKR จ่อชิงงานใหม่ 3 พันล.รุกฐานอาเซียนต่อยอด
ทันหุ้น
25 กรกฎาคม 2565 ( 14:51 )
85

 

#AKR #ทันหุ้น - AKR ใส่เกียร์ลุยประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท จากทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง คาดหวังมีโอกาสคว้างานไม่น้อยกว่า 15% ด้าน EPC เผยอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่มากกว่า 30 ราย คาดช่วงที่เหลือของปีนี้ทยอยได้ข้อสรุป ตุนแบ็กล็อกแน่น 850 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปี 2565 โต 20% เดินหน้ารุกฐานอาเซียน

 

นายดนุชา น้อยใจบุญ กรรมการบริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR เปิดเผยว่าบริษัทมีความสนใจและมองหาโอกาสในการร่วมประมูลงานโดยเฉพาะธุรกิจติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2565 งานโครงการใหม่ทั้งส่วนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะเริ่มกลับมาทยอยเปิดประมูลกันได้มากขึ้น อีกทั้งด้วยช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นรอบงบประมาณลงทุนใหม่ของภาครัฐ ทำให้คาดหวังว่าจะมีงานโครงการใหม่ๆ ออกมาเพิ่มเติม

 

จ่อชิงงานใหม่

 

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2565 ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จะกลับมาทยอยเปิดประมูลงานติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท เบื้องต้นบริษัทคาดหวังโอกาสที่จะได้รับงานดังกล่าวเข้ามาไม่น้อยกว่า 10-15% ขณะที่งานติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าส่วนภาคเอกชนนั้น ปัจจุบันเริ่มมีงานโครงการจากกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้างเข้ามามากขึ้นแล้ว และคาดว่างบปี 2566 ที่จะออกมาในช่วงไตรมาส 3-4/2565 จะหนุนให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานใหม่จากลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้างเข้ามาเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

 

ในส่วนธุรกิจงานรับเหมาออกแบบและติดตั้ง (EPC) แผงโซลาร์เซลล์ในช่วงที่เหลือปี 2565 นั้น ในภาพรวมส่วนของงานโครงการจากหน่วยงานภาครัฐยังมีสัญญาณการชะลอตัวอยู่ ขณะที่สัญญาการลงทุนโครงการใหม่ของภาคเอกชนมีทิศทางการกลับมาลงทุนที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทวางแผนเพิ่มโอกาสในการรับงานติดตั้งแผง Solar Rooftop ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมให้มากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาและเสนอราคามากกว่า 20-30 ราย แม้มูลค่าต่อโครงการอาจไม่สูงนัก แต่ก็เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยชดเชยงานส่วนของภาครัฐที่ชะลอตัวลงได้ แต่อย่างไรก็ดีคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

 

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมองว่าการเติบโตของยอดขายหม้อแปลงไฟฟ้า รวมถึงงาน EPC จะมีการเติบโตที่ค่อนข้างโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และคาดว่าจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องจากเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ทั้งนี้ ด้วยต้นทุนวัสดุที่ใช้ในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้บริษัทอาจมีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคาจำหน่ายขึ้นบ้าง เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่เบื้องต้นอาจเป็นการปรับราคาแบบค่อยเป็นค่อยไปสำหรับคำสั่งซื้อใหม่ ส่วนสัญญาสั่งซื้อเดิมราคายังคงเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญา

 

รุกฐานอาเซียน

 

สำหรับงานรอทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ในมือปัจจุบันอยู่อีกกว่า 850 ล้านบาท แบ่งออกเป็นจากธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า อยู่ที่มากกว่า 700 ล้านบาท คาดว่ากว่า 80% จะสามารถทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2565 ส่วนที่เหลือราว 20% คาดจะรับรู้ในไตรมาส 1/2566 และ 2/2566 ตามลำดับ ขณะที่งาน EPC มี Backlog อยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในช่วงที่เหลือของปีนี้ สนับสนุนให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2565จะยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อนได้

 

นอกจากนี้ จากการที่หลายประเทศกลับมาเปิดประเทศให้เดินทางได้อีกครั้ง มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้บริษัทสามารถเดินทางกลับเข้าไปเยี่ยมโรงงานฐานลูกค้าท้องถิ่นเดิมที่เคยเข้าไปรับงานก่อนหน้านี้ได้ โดยเฉพาะในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น สปป.ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน รวมถึงออสเตรเลีย เพื่อเพิ่มโอกาสทั้งการขยายบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมหม้อแปลงไฟฟ้า (Service) และการเปลี่ยน หรือเพิ่มหม้อแปลงลูกใหม่ เพราะนับตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเข้าไปพบลูกค้าได้เลยตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง