รีเซต

"แสนสิริ" ปรับเป้าโอนปีนี้เพิ่มอีกพันล.เป็น 4.3 หมื่นล. หลังยอดโอนพุ่งจากปีก่อน 100%

"แสนสิริ" ปรับเป้าโอนปีนี้เพิ่มอีกพันล.เป็น 4.3 หมื่นล. หลังยอดโอนพุ่งจากปีก่อน 100%
มติชน
3 พฤศจิกายน 2563 ( 14:16 )
103
"แสนสิริ" ปรับเป้าโอนปีนี้เพิ่มอีกพันล.เป็น 4.3 หมื่นล. หลังยอดโอนพุ่งจากปีก่อน 100%

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริได้ปรับเป้าหมายยอดโอนปี 2563 จากเดิมที่ตั้งไว้ 42,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 43,000 ล้านบาท โตขึ้น 37% จากปีก่อนที่มียอดโอนทั้งปีรวม 31,300 ล้านบาท หลังบริษัททำผลงานโอนในรอบ 10 เดือนของปีนี้พุ่งไปแล้วถึง 36,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริ และเติบโตขึ้นถึง 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนยอดโอนดังกล่าวยังคิดเป็น 86% จากเป้าหมายยอดโอนเดิมที่ตั้งไว้ 42,000 ล้านบาท จึงต้องมีการปรับเพิ่มประมาณการณ์เป้าหมายการโอนในปีนี้ใหม่นอกจากนี้บริษัทยังได้ปรับประมาณการเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีเพิ่มขึ้นจาก 32,000 ล้านบาท เป็น 34,000 ล้านบาทจากการมองเห็นแนวโน้มรายได้และกำไรที่คาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ความสำเร็จของยอดโอนมาจากการตอบรับจากลูกค้าในความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ด้วยมาตรฐานการออกแบบ คุณภาพโครงการตลอดจนบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัย และความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก LIV-24 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ

“ความสำเร็จจากผลงานการโอนในช่วง 10 เดือน แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบ 14,900 ล้านบาท เติบโตขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมมียอดโอนล่าสุดสูงถึง 21,100 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 164% ผลงานมาจากการโอนคอนโดมิเนียมอาทิ โครงการ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คาวะ เฮาส์, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ และ เดอะ ไลน์ วงศ์สว่าง เป็นต้น นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดโอนส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อาทิ อาทิ XT เอกมัย, โอกะ เฮาส์, ดีคอนโด ธาร จรัญฯ, ลา ฮาบานา หัวหิน เป็นต้นโดยเฉพาะโครงการ “โอกะ เฮาส์” (oka HAUS) คอนโดมิเนียมแบบ high rise ภายใต้แบรนด์เฮาส์ ที่เพิ่งเปิดโอนรับมอบโครงการในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาปรากฎว่าลูกค้าให้การตอบรับการโอนเป็นจำนวนมาก มาจากความต้องการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมที่โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ Urban Resort Condominiumกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมวิวสวยจากชั้น Rooftop ที่มองเห็นโค้งน้ำบางกระเจ้า โครงการยังแตกต่างด้วยเทคโนโลยี Smart Livingและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อที่สุดแห่งการพักผ่อน ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.9 ล้านบาทส่งผลให้มียอดโอนไปแล้วถึง 1,700 ล้านบาท %” นายอุทัย กล่าว

นายอุทัยกล่าวว่า สำหรับคอนโดมิเนียมโครงการ “โอกะ เฮาส์” (oka HAUS) มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 1,178 ยูนิต ประกอบด้วยห้องขนาด 1 – 3 ห้องนอนพื้นที่ตั้งแต่ 26.50 – 86.50 ตร.ม. บนพื้นที่โครงการประมาณ 5 ไร่ ซึ่งนอกจากความโดดเด่นในการเป็นรีสอร์ทคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่เป็นจุดแข็งของโครงการแล้วยังแตกต่างด้วยเทคโนโลยี Smart Living ที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโครงการ รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การพักผ่อนอย่างแท้จริงอาทิ Retreat Room ที่มาพร้อมเก้าอี้นวด OSIM uInfinity Luxe, Outdoor Theatre และ Hydrotherapy Pool สระว่ายน้ำระบบธาราบำบัดที่แรกของแสนสิริ นอกจากนี้โครงการยังตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ถนนพระราม 4 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ และเป็นจุดเชื่อมต่อใจกลางเมือง ทองหล่อ – อโศก – สีลม และใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น K-Village และ EmQuartier ครบด้วยศูนย์การค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล สถานศึกษา โรงแรม ฯลฯ แต่ยังคงความสงบและเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการพักผ่อนตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ HAUS การเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อเพียง 5 นาที
พร้อม Shuttle Service รับ-ส่งจากโครงการไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ ใกล้ทางด่วนเฉลิมมหานคร และอาจณรงค์ จึงเดินทางถึงทุกจุดหมายได้เพียงไม่กี่นาที ชมโครงการได้แล้ววันนี้ ที่ โอกะ เฮาส์ สุขุมวิท 36 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/condominium/oka-haus

นายอุทัยกล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2563 นี้ แสนสิริมีเป้าหมายในการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายใหม่ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 43,000 ล้านบาท อีกเพียง 7,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะผลักดันสู่รายได้และกำไรในปีนี้ต่อไป นอกจากนี้ในระยะยาว บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 41,400 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 33,000 ล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 8,400 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง