‘เศรษฐา’ฟันธงรัฐบาลต้องกู้เพิ่ม รับมือโควิด-สงครามยูเครน แนะออกมาตรการที่มีพลังกระตุ้นเศรษฐกิจให้วงกว้าง
![‘เศรษฐา’ฟันธงรัฐบาลต้องกู้เพิ่ม รับมือโควิด-สงครามยูเครน แนะออกมาตรการที่มีพลังกระตุ้นเศรษฐกิจให้วงกว้าง](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/03/25/20dd56b0-6e5a-11ea-b8a2-09037777d4af_original.png)
![‘เศรษฐา’ฟันธงรัฐบาลต้องกู้เพิ่ม รับมือโควิด-สงครามยูเครน แนะออกมาตรการที่มีพลังกระตุ้นเศรษฐกิจให้วงกว้าง](https://cms.dmpcdn.com/news/2022/03/24/90882800-ab48-11ec-b94b-014ed2554193_original.jpg)
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มอีกจำนวนมาก เพื่อดูแลเศรษฐกิจให้ขยายตัว จากที่ได้ผลกระทบจากโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
“ผมฟังธงเลยว่า รัฐบาลต้องกู้เงินดูแลเศรษฐกิจเพิ่ม และต้องกู้ในจำนวนที่มากด้วย แต่ผมบอกไม่ได้ว่าเท่าไร เพราะผมไม่รู้ฐานะการเงินของประเทศที่แท้จริง”นายเศรษฐา กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่เปิดเผยจะเห็นประเทศไทยมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดติดท็อป 10 ของโลก มีสัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 59.87% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีเกิน 100% ทำให้รัฐบาลไทยมีความสามารถกู้เงินได้อีกมาก หากนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจ ทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น ก็ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีลดลง แม้ว่าจะกู้เพิ่มมากก็ตาม
นายเศรษฐา กล่าวฝากถึงรัฐบาลว่า การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจควรมองใน 2 เรื่อง คือ ดูเรื่องรายรับให้มากขึ้น และดูแลรายจ่ายให้ลดลง ในส่วนของการเพิ่มรายรับ รัฐบาลควรออกมาตรการที่มีพลังกระตุ้นเศรษฐกิจให้วงกว้าง ให้เกิดการหมุนเงินในระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุด เช่น การกระตุ้นมาตรการอสังหาริมทรัพย์ ก็ควรทำให้มีอิมแพ็ก ทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องได้ประโยชน์ มีการจ้างงาน ทำให้คนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
สำหรับด้านดูแลรายจ่าย ขณะนี้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือบรรเทาค่าพลังงาน และค่าครองชีพ 10 มาตรการ ก็เชื่อว่าจะช่วยรายจ่ายของประชาชนไปได้ระดับหนึ่ง