OR เซ็นสายการบินใช้ SAF  เก็งงบไตรมาส3 โดดเด่น

#OR #ทันหุ้น - OR เดินหน้าลงนาม MOU กับสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เริ่มใช้ SAF รองรับมาตรการ ICAO ที่จะมีผลปี 2569 ชี้เซ็นสัญญาสายการบินต่อเนื่อง ด้านนักวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ราว 2,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เทียบไตรมาสก่อน ค่าการตลาดน้ำมันแตะ 1.01 บาทต่อลิตร เชื่อไปยาวถึงกลางปี 2569 แนะ “ซื้อ” เป้า 17 บาท

นายไพศาล อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า หลังจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) หน่วยงานกำกับดูแลการบินทั่วโลก กำหนดเป้าหมายให้สายการบินทั่วโลกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ไว้ที่ 5% ภายในปี 2573 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินในแต่ละประเทศ เริ่มประกาศมาตรการบังคับให้สายการบินที่บินเข้า-ออกประเทศ ในเส้นทางบินระหว่างประเทศเติมน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

OR ในฐานะผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทยอยลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเริ่มต้นใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ร่วมกับผู้ประกอบการสายการบินมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การบินไทย, บางกอกแอร์เวย์ และล่าสุดได้ร่วมลงนาม MOU กับสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เพื่อเริ่มต้นใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนในเส้นทางบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ 

“การลงนาม MOU กับผู้ประกอบการสายการบิน เพื่อความมั่นใจว่า OR จะสามารถจัดหาน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืนให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของผู้ประกอบการ และความต้องการใช้ของสายการบินต่างประเทศที่มีรูทบินเข้ามาในไทย”

ทั้งนี้ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน  นับเป็นนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตที่ช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงสุดถึง 80% ตลอดวงจรชีวิตการผลิต ใช้งานร่วมกับเครื่องบินและเครื่องยนต์เดิมได้ทันที ช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงาน ลดการพึ่งพาน้ำมันฟอสซิล และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ ถือเป็นความร่วมือของภาคเอกชนไทยในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคอย่างแท้จริง

@ คาดกำไรฟื้นตัวแกร่ง

               นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2568 ที่ราว 2,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% QoQ และพลิกกำไรเมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 1,609 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567  หากตัดรายการพิเศษ Fx loss และ Oil Hedging Gain ออก จะมีกำไรปกติ 2,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,133% YoY, และเพิ่มขึ้น 27% QoQ หนุนจากธุรกิจ Moblity ที่มีกำไรขั้นต้นต่อลิตรเพิ่มเป็นราว 1.01 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 98% YoY และเพิ่มขั้น 19% QoQ  และธุรกิจ Lifestyle ปริมาณขายโต 10% YoY โดยอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากประหยัดค่าใช้จ่ายการตลาด และ Outsource  สามารถชดเชยธุรกิจ Global (มีสัดส่วนราว 7% ของรายได้รวม) ที่แย่ลงทั้ง YoY และ QoQ ตามธุรกิจกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ

               พร้อมกันนี้คาดการณ์กำไรปกติงวดไตรมาส 4/2568 พื้นตัวต่อเนื่องได้ทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากทั้งปัจจัยฤดูกาล และมาตรการกระตุ้นภาครัฐ โดยธุรกิจ Mobilty ปริมาณขายฟื้นตัวตามความต้องการเดินทางท่องเที่ยว การขนส่งสินค้าในประเทศ  และความต้องการเติมน้ำมันอากาศยาน ทั้งยังรักษากำไรชั้นต้นต่อลิตรให้ทรงตัวในกรอบ 0.9-1.0 บาทต่อลิตร ได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ธุรกิจ Lifestyle ปริมาณขาย “คาเฟ่ อเมซอน” ก็จะเติบโตสอดคล้องกับปริมาณการเดินทางท่องเที่ยว และการขยายสาขา

               “ปัจจุบันเงินกองทุนน้ำมันติดลบน้อยลง และหากพิจารณาเข้าไปถึงรายละเอียดในส่วนของ “น้ำมัน” พลิกกลับเป็นบวกแล้ว ดังนั้นหากราคาน้ำมันเกิดผันผวนในระยะสั้น ก็จะสามารถดึงเงินฯ เข้ามาช่วยได้ทันที ประกอบกับแนวนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่กดดันค่าการตลาดของกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน  จึงคาดว่า OR จะรักษา GPM ในระดับกรอบ 0.9-1.0 บาทต่อลิตรได้ถึงราวกลางปี 2569”

               สำหรับการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน ปัจจุบันมีสัดส่วนน้อยมาก อีกทั้งการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนนั้นเป็นการแทนที่ (Substitution) การใช้น้ำมันอากาศยานแบลเดิม ดังนั้นในอนาคตแม้ว่าปริมาณขายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณขายน้ำมันอากาศยานแบบเดิมก็จะลดลงในสัดส่วนที่สอดคล้องกัน  จึงเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อรักษาอัตราการเติบโตให้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ

แนะ “ซื้อ” เป้า 17 บาท

               เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2568 ในกรอบ 1.1 – 1.7 หมื่นล้านบาท เพราะหากกำไรงวดไตรมาส 3/2568 เป็นไปตามประมาณการ กำไรงวด 9 เดือนจะคิดเป็นราว 70% ของกรอบบนที่ทำไว้ 1.7 หมื่นล้านบาท จึงต้องติดตามการประกาศผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามปริมาณการขายน้ำมันอาจที่ต่ำกว่าคาด อาจถูกชดเชยด้วยกำไรขั้นต้นต่อลิตรที่ดีกว่าคาดจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 17 บาท